ซื้อครบ 600 บาท จัดส่งฟรีทั่วประเทศ
เคยมั้ย? อ่านหนังสือมาเป็นสิบเล่มแต่ดันจำอะไรไม่ได้เลย ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่เจอได้ในน้อง ๆ วัยเรียนที่ต้องอ่านทั้งหนังสือเรียน และหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปพร้อม ๆ กัน จะทำยังไงให้จำเนื้อหาได้ทั้งหมด อยากอ่านหนังสือให้เข้าใจ หรือวิธีอ่านหนังสือสอบให้เข้าสมอง หมดห่วงได้เลย บทความนี้แจ่มใสจะมาแจก 7 เทคนิคการอ่านหนังสือ ที่ใช้ได้จริงและไม่ยุ่งยาก แถมช่วยให้โฟกัสตอนอ่านได้ดีขึ้นด้วย!
อ่านหนังสือยังไงให้มีประสิทธิภาพ เป็นคำถามที่เพื่อน ๆ หลายคนสงสัย ก่อนจะไปดูว่ามีวิธีอ่านหนังสือให้เข้าใจ รู้ไหมว่าช่วงเวลาก็มีผลต่อสมาธิของผู้อ่านเช่นกัน โดยเวลาที่เหมาะสมกับการเติมความรู้เข้าหัว มีดังนี้
ช่วงเช้าเป็นระยะเวลาที่สมองของเราตื่นตัวและปลอดโปร่งมากที่สุด เหมาะแก่การอ่านเนื้อหาใหม่ ๆ โดยแจ่มใสแนะนำให้ฝึกอ่านหนังสือตอน 7 - 10 โมง จะทำให้จำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การอ่านหนังสือตั้งแต่เช้าเป็นการสร้างความ Productive และช่วยให้เรามีสมาธิเมื่อทำกิจกรรมอื่น ๆ ไปตลอดทั้งวัน
หลายคนกลัวว่าเวลาเที่ยงถึง 4 โมงเย็น จะง่วงและสมองไม่ค่อยแล่นเท่าตอนเช้า แต่จริง ๆ แล้วช่วงเวลานี้เหมาะกับการทบทวนเนื้อหาที่เข้มข้น ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจนาน เพราะสามารถคิดวิเคราะห์ได้ดี หรือน้อง ๆ จะกำหนดให้เป็นช่วงเวลาทำโจทย์ / แบบฝึกหัดก็ได้เช่นกัน
วิธีการอ่านหนังสือช่วงกลางคืน ตั้งแต่ 1 ทุ่มไปจนถึงเที่ยงคืน คือการทบทวนเนื้อหาเก่า ๆ หรือสรุปหนังสือที่อ่านมาตลอดทั้งวันลงสมุดโน้ต เพราะเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบและสามารถจดจ่อกับเนื้อหาได้ดี แต่ไม่เหมาะกับการอ่านเนื้อหาหนัก ๆ จะทำให้เกิดความกดดันและนอนหลับไม่สนิทได้
การอ่านหนังสือจะประสบความสำเร็จ ก็ต่อเมื่อเราจดจำเนื้อหาได้อย่างแม่นยำ และนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างถูกต้อง ว่าแล้วก็ไปดูกันเลยว่า 7 เทคนิคการอ่านหนังสือ ที่อ่านแล้วเข้าสมอง สามารถเอาไปปรับใช้ได้ทั้งนักเรียน นักศึกษา และคนทั่วไปที่อยากเคลียร์กองดองให้หมดสักที จะมีอะไรบ้าง
เริ่มต้นจากการแบ่งเนื้อหาว่าเราจะอ่านอะไรบ้างในวันนี้ แยกเป็นหมวดหมู่ตามรายวิชา ทั้งนี้ ควรอ่าน 1 วิชาในวันเดียว เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน นอกจากนี้ สามารถเอาหลักการอ่านตามช่วงเวลามาใช้ได้ ช่วงเช้าเริ่มจากเนื้อหาใหม่ ๆ บ่ายฝึกทำข้อสอบเก่า และสรุปเนื้อหาทั้งหมดอีกครั้งก่อนนอน
สถานที่อ่านหนังสือเงียบ ๆ อย่างห้องสมุด ทำให้เรามีสมาธิ เพราะเสียงดังรบกวนจะทำให้หลุดโฟกัส และมีความรู้สึกวอกแวกตลอดเวลา รวมไปถึงแสงสว่างที่เพียงพอ ได้แก่ แสงธรรมชาติในตอนเช้า และแสงโคมไฟในช่วงกลางคืน ช่วยให้ผู้อ่านไม่ปวดตาและแสงทำให้เรารู้สึกตื่นตัวขณะอ่านหนังสืออีกด้วย
การเน้นเนื้อหาด้วยปากกาไฮไลต์สีจี๊ดจ๊าด เป็นวิธีการอ่านหนังสือที่ใช้ได้ผล เวลาที่เปิดหนังสือขึ้นมาอ่านอีกครั้ง สายตาจะถูกดึงดูดความสนใจไปที่สีเหล่านั้นในทันที ทำให้ไม่ต้องย้อนอ่านส่วนที่ไม่จำเป็น และทบทวนเฉพาะใจความสำคัญเท่านั้น ปัจจุบันก็มีเฉดสีให้เลือกมากมาย เช่น เหลืองนีออน ส้มแสด หรือชมพูสด
อ่านหนังสือยังไงก็ไม่เข้าหัวสักที ลองอ่านออกเสียงหรือยัง? เทคนิคการอ่านหนังสือแบบท่องจำออกมาเป็นคำพูด เป็นการกระตุ้นให้สมองทำความเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดอีกครั้ง ไม่ต้องท่องเสียงดังแค่พอให้ได้ยิน เวลาสอบก็อาจนึกประโยคที่ท่องไปขึ้นมาได้ และเขียนคำตอบออกมาในระยะเวลาสั้น ๆ เลยทีเดียว
ใครที่เคยพักอ่านหนังสือแล้วไปจับโทรศัพท์ ไถโซเชียลมีเดียไปเรื่อย ๆ รู้ตัวอีกทีก็เล่นเป็นชั่วโมงซะแล้ว เคล็ดลับที่ดีที่สุดคือการปิดแจ้งเตือนโทรศัพท์ไปเลย โดยอาจบอกเพื่อนหรือครอบครัวไว้ล่วงหน้าว่า ช่วงเวลานี้อาจจะติดต่อไม่ได้เพราะเตรียมตัวสอบ หรือตั้งเป็นระบบสั่นเบา ๆ ในกรณีที่จำเป็น
จะสรุปลงสมุดโน้ตในประเด็นหลัก หรือแปะโพสอิทตามหน้าต่าง ๆ ก็ได้ เทคนิคนี้เหมาะกับวิชาภาษาอังกฤษที่ต้องจำคำศัพท์ใหม่ ๆ จำนวนมาก ระหว่างที่สรุปเนื้อหาก็สามารถฟังเพลง เพื่อเพิ่มความผ่อนคลาย และเป็นการสร้างบรรยากาศชิล ๆ ทำให้ไม่รู้สึกเครียดจนเกินไป
การอ่านรวดเดียวติดกันหลายชั่วโมงอาจไม่เวิร์กเสมอไป เทคนิคการอ่านหนังสือไม่ให้ง่วง คือต้องแบ่งเวลาสำหรับพักสายตาบ้าง ตัวอย่างเช่น ทุก ๆ 60 นาที จะอ่านแค่ 45 นาทีและแบ่งเวลา 5 - 10 นาทีในการพักผ่อน หรือจะใช้สูตร 25 / 5 โดยเงื่อนไขคือใน 25 นาทีจะต้องอ่านหนังสืออย่างเดียว ห้ามจับโทรศัพท์หรือทำอย่างอื่นเด็ดขาด
จบไปแล้วกับ 7 วิธีอ่านหนังสือให้เข้าใจที่น้อง ๆ สามารถเอาไปทำตามได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่จัดสรรเวลาให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ และเรียงลำดับความสำคัญของเนื้อหาก่อนอ่านทุกครั้ง ก็จะช่วยให้การอ่านหนังสือสอบเป็นระบบ จะวิชาไหน ๆ ก็ไม่หวั่น เข้าห้องสอบแบบไม่กลัวโจทย์อีกต่อไป