ทดลองอ่าน ผมเก็บคุณชายตกอับได้หนึ่งคนครับ เล่ม 1 บทที่ 11-12 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ผมเก็บคุณชายตกอับได้หนึ่งคนครับ เล่ม 1 บทที่ 11-12 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่าน เรื่อง ผมเก็บคุณชายตกอับได้หนึ่งคนครับ เล่ม 1

ผู้เขียน : 木瓜黄 (มู่กวาหวง)

แปลโดย : ปราณหยก

ผลงานเรื่อง : 七芒星 (Qi Mang Xing)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

บทที่ 11

ตอนเที่ยงวันนี้ลู่เหยียนยืมรถมอเตอร์ไซค์ของพี่เว่ยออกไปซื้อกับข้าวที่ตลาด เขากินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาจะทั้งสัปดาห์จนเกือบจะกลายร่างเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่แล้ว

วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ผู้พักอาศัยส่วนใหญ่ต่างพักผ่อนกันอยู่ที่ตึก ถึงพี่เว่ยจะแสดงออกว่า ‘เข้าใจถึงความจำเป็น’ ทว่าก็ยัง ‘ไม่อยากให้ยืม’ รถมอเตอร์ไซค์ไปซื้อกับข้าวที่ตลาด แต่เพราะทนลูกตื๊อด้วยไม้อ่อนและไม้แข็งของลู่เหยียนไม่ไหว สุดท้ายเลยโยนกุญแจรถลงมาให้เขาจากหน้าต่างชั้นสาม

“พี่เว่ยเป็นพี่ชายที่ดีของผมตลอดกาล”

“รีบไสหัวไปเลย” พี่เว่ยผมทรงรังนกยืนตะโกนอยู่ที่หน้าต่าง

 

ลู่เหยียนไปซื้อกับข้าวที่ตลาด ถึงเขาจะไปตลาดไม่บ่อยแต่ก็ถือว่าพอมีชื่อเสียงอยู่ที่นั่น…ในฐานะนักต่อราคา

พอลู่เหยียนซื้อกับข้าวเสร็จแล้วกลับมาจากตลาด เขาก็เห็นรถที่ดูน่าสงสัยคันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าประตูซากอาคารโซนเจ็ด เมื่อเขาเข้าไปใกล้ก็เห็นเครื่องหมายสีเงินบนตัวรถ รวมไปถึงปีกท้ายรถคู่ที่ดูคุ้นตา

นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้เห็นรถแต่งที่ดูไม่เข้าพวกคันนี้

ลู่เหยียนปล่อยคันเร่ง ค่อยๆ ชะลอไปจอดที่ข้างรถแต่งพอดี

เขาใช้ขาข้างหนึ่งเหยียบพื้น เอียงตัวไปด้านข้างเพื่อเคาะหน้าต่างรถคันนั้น แล้วผิวปาก “มาแล้วเหรอ”

หน้าต่างรถเลื่อนลงช้าๆ

สิ่งแรกที่ลู่เหยียนสังเกตเห็นไม่ใช่คุณชายใหญ่ แต่เป็นศีรษะน้อยๆ ที่หันไปหันมาอยู่ในวงแขนของคุณชายใหญ่

ลู่เหยียนเห็นดวงตากลมโตมันขลับหนึ่งคู่

เด็กทารก

เด็กทารกที่ยังไม่หย่านมหนึ่งคน

เด็กน้อยกินนมไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วก็หยุดเหมือนกดสวิตช์

เซียวหังทำเสียงอืมเป็นการตอบรับคำทักทายของลู่เหยียน เขาตบหลังทารกด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติอย่างมาก สักพักเด็กน้อยก็กะพริบตาแล้วเรอ “เอิ๊ก” ออกมาทางปากแบบเด็กๆ

นี่เป็นภาพที่ดูพิลึกเล็กน้อย

อย่างแรกคือคนอย่างเซียวหังดูไม่น่าจะมีความอดทนในการเลี้ยงเด็ก เขาเป็นคนประเภทที่ชวนให้รู้สึกว่าถ้าพูดจาไม่ถูกหูก็พร้อมตีเด็กมากกว่า

ท่าทางบ้องแบ๊วตอนเรอทำให้ลู่เหยียนอยากยื่นมือไปหยิกแก้มเขา และลู่เหยียนก็ทำแบบนั้นจริงๆ พอนิ้วแตะโดนแก้มป่องๆ ของเด็กน้อย ลู่เหยียนก็เอ่ยถาม “ลูกคุณเหรอ”

“…”

เซียวหังช้อนตาขึ้นมองเขา “นายรู้สึกว่ามันเป็นไปได้หรือไง”

ลู่เหยียน “ว่าไม่ได้”

“ไม่ใช่” ถึงเซียวหังจะไม่อยากอธิบายเอามากๆ แต่เขายังคงบอก “เขาเป็นน้องชายฉัน”

ลู่เหยียนเลยอดหยิกแก้มเด็กน้อยอีกสองทีไม่ได้

“ตามปกติเขาไม่ชอบให้ใครถูกตัว”

ไม่ใช่แค่ไม่ยอมให้ใครถูกตัว แต่ต่อให้หิวเจียนตาย เขาก็ไม่ยอมกินนมที่คนรับใช้ป้อนให้แม้แต่อึกเดียว

เซียวหังกลัวเด็กจะร้องไห้ให้ต้องปลอบกันวุ่นวาย แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะพอเขาพูดจบก็เห็นเด็กน้อยใช้อุ้งมืออ้วนๆ จับนิ้วหนึ่งของลู่เหยียน หัวเราะเอิ๊กอ๊ากให้เขา

ลู่เหยียนงอนิ้วชี้ที่ถูกจับ ลดเสียงลงเพื่อหยอกเขาไม่ว่าเด็กน้อยจะเข้าใจหรือไม่ก็ตาม “เจ้าหนู ดูท่าหน่วยก้านดี แถมมีวาสนากับฉัน พี่ชายจะถ่ายทอดสุดยอดวิชาให้นะ”

เซียวหังพูดเสียงเย็น “ถ้าเป็นกีตาร์ก็ผ่านเถอะ”

“…” ลู่เหยียน “เรื่องนี้มันผ่านไปแล้วไม่ใช่หรือไง”

เซียวหังอุ้มเด็กลงจากรถ ส่วนลู่เหยียนเอารถมอเตอร์ไซค์ไปจอดในเพิง ถึงจะบอกว่าเป็นเพิงจอดรถ แต่ความจริงเป็นแค่พื้นที่เล็กๆ ที่พี่เว่ยเอาผ้าพลาสติกขาดๆ มากางไว้ที่ข้างอาคารเท่านั้น

ในความเรียบง่ายมีกลิ่นอายของความยากจนข้นแค้น

“นี่มันอะไร” เซียวหังมองผ้าผืนนั้นสองครั้ง “เพิงกันฝนเหรอ”

“โรงรถ”

ลู่เหยียนดึงกุญแจมอเตอร์ไซค์ออก หิ้วถุงสองใบที่แขวนไว้กับแฮนด์รถลงพลางแนะนำว่า “ความอัตคัดทำให้คนต้องรู้จักใช้สมอง โรงรถนี่กันฝนได้ ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเจอพายุไต้ฝุ่นก็ไม่ไหว ต้องแบกรถเข้าไปในห้อง”

ตอนที่เซียวหังมาคราวก่อนเขาไม่ได้สังเกตอะไรมากนัก เนื่องจากวันนั้นเขาเพิ่งรู้เรื่องที่เซียวฉี่ซานมีลูกนอกสมรส โดยพ่อของเขาจะให้เงินผู้หญิงคนนั้นหนึ่งก้อนแล้วไล่เธอไป ส่วนเด็กไว้ทำเรื่องเสร็จเมื่อไหร่เซียวฉี่ซานจะส่งไปต่างประเทศ

ถ้ามีข่าวเรื่องลูกนอกสมรสแพร่ออกไปย่อมไม่ดี หลังส่งเด็กไปต่างประเทศแล้วก็ทำเป็นว่าไม่เคยมีเรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้นได้

เซียวหังมีปากเสียงกับเซียวฉี่ซานหนึ่งยก

พอหนีออกมาเลยอารมณ์เสีย

 

ลู่เหยียนเดินนำขึ้นไปบนตึก พอไปถึงชั้นสามเขาก็เอากุญแจมอเตอร์ไซค์คืนให้พี่เว่ย “พี่เว่ยครับ อยากกินมะเขือเทศไหม ผมให้”

“ไอ้นี่ เหนียวให้มันน้อยๆ หน่อย” พี่เว่ยยื่นมือข้างหนึ่งออกมาจากช่องว่างของประตู ต่อมาเขากลับเปิดประตู “เดี๋ยวนะ น้องชายคนนี้หน้าคุ้นๆ ใช่คนที่โดนนายจับผิดตัวคราวก่อนหรือเปล่า”

การพูดถึงเรื่องจับผิดตัวตอนนี้ยังคงทำให้ลู่เหยียนวางตัวไม่ถูก

ลู่เหยียนกับเซียวหังต่างก็อยากข้ามหัวข้อนี้ไปทั้งคู่

แต่พี่เว่ยมองพวกเขาแล้วบอก “ไม่ตีกันก็ไม่รู้จัก ในวงการการได้เจอกันคือวาสนา…เอ๋ เจ้าหนูนี่หน้าตาน่ารักดี”

พี่เว่ยเป็นคนห้าใหญ่สามหนา* สิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการทวงหนี้คือออร่าความน่าเกรงขามบนตัว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกล้าม เวลายิ้มก็หน้ายิ้มแต่ตาไม่ยิ้มด้วย พี่เว่ยยื่นหน้าเข้าไปหาเด็กน้อยเพื่อหยอกเขา แต่เด็กน้อยกลับร้องไห้จ้าออกมาทันที

“…”

วันนี้พวกเขามาไม่ได้จังหวะ สาวห้องหกศูนย์หนึ่งกลับช้ากว่าทุกวัน เคาะประตูก็ไม่มีคนตอบรับ

“อีกเดี๋ยวคงกลับ คุณเข้ามานั่งก่อนสิ” ลู่เหยียนเปิดประตู ชี้ไปที่เด็กในอ้อมแขนของเซียวหัง “ปล่อยให้เขาร้องแบบนี้ไม่ดีเลย”

อันที่จริงเซียวหังปลอบเด็กไม่เก่ง อย่างมากก็แค่ตบก้นสองครั้ง

พอเด็กน้อยที่ตามปกติเฉลียวฉลาดว่าง่ายร้องไห้ขึ้นมาก็กลายเป็นมารร้ายมาจุติทันที

เขาร้องจนคนสมองแยกได้

ลู่เหยียนเอากับข้าวไปวางไว้ในครัว เห็นเซียวหังทำหน้าเย็นชาพูดกับเด็กว่า “หยุดร้อง”

“บอกให้หยุดร้องไง ไม่เข้าใจเหรอ”

ลู่เหยียนทนดูต่อไปไม่ไหว “คุณกลัวว่าเขาจะร้องไม่หนักพอเหรอ”

เซียวหังพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญใจ “หรือนายจะจัดการ?”

ลู่เหยียนพบว่าเขากับคุณชายคนนี้เจอกันทีไรเป็นต้องเกิดปฏิกิริยาทางเคมีแปลกๆ ตัวอย่างเช่นคุยกันไม่ถึงสองประโยคก็สะอึกแล้ว

“ผมเองๆ”

ลู่เหยียน “ผมจะทำให้คุณได้เห็นว่าอะไรคือการปลอบประโลมจิตใจที่ได้รับความเจ็บช้ำของเด็กน้อยด้วยความอ่อนโยนอย่างแท้จริง”

ถึงจะพูดออกไปแบบนี้ แต่ลู่เหยียนก็ไม่เคยปลอบเด็กมาก่อน อาจเพราะท่าอุ้มไม่ถูกต้อง พอเด็กมาถึงมือเขาเลยร้องไห้หนักกว่าเดิม

ลู่เหยียนจัดท่าใหม่แต่เด็กก็ยังร้องอีก

ลู่เหยียนคิดวิธีรับมือไม่ออกจริงๆ เขาเป็นหนุ่มหล่อยุคใหม่ที่ปรับตัวเก่งจึงเปลี่ยนคำพูด “…ผมว่าคุณปลอบดีกว่านะ”

สิ่งที่ตอบเขากลับมาคือเสียงหัวเราะเย็นของเซียวหัง

เซียวหังพิงผนัง จับประตูมองลู่เหยียน “นายเก่งนักไม่ใช่หรือไง”

ดูถูกใครฮะ

เลิกใช้คำพูดเยาะหยันคนอื่นแบบนี้ได้หรือเปล่า

ไม่ดูหน่อยหรือว่าตอนนี้อยู่ในที่ของใคร

ลู่เหยียนตบหลังเด็กน้อย เขามีความรู้สึกว่าจะต้องกอบกู้เกียรติยศศักดิ์ศรีคืนมาให้จงได้

ในสมองของลู่เหยียนมีไอเดียที่สามารถทำได้ผ่านเข้ามาหนึ่งไอเดีย เขาจึงเคลียร์คอเพื่อลองร้องเพลงดู

ในฐานะนักร้องนำของวง เขามีคลังเพลงอยู่เยอะ ถ้าเอาทุกแนวมานับดูก็พอจะนับเป็นเพลงแปดภาษาได้ แต่มีเพลงเด็กอยู่ไม่มาก ลู่เหยียนคิดไปคิดมาแล้วนึกออกแค่เพลงเดียว แถมยังจำเนื้อได้ไม่หมดด้วย เขาเลยเลือกเพลงที่นึกออกเพลงนั้นมาแล้วก็เริ่มร้อง

ลู่เหยียนเป็นคนที่มีเรนจ์เสียงกว้าง สามารถร้องได้ดีทั้งเสียงสูงและเสียงต่ำ โดยเฉพาะเวลาร้องเสียงต่ำ เสียงจะกดลงเล็กน้อยและแหบนิดๆ เสียงไม่ถือว่านุ่ม

เหมือนฟองเบียร์เนื้อละเอียดและเร่าร้อน

แต่ตอนนี้เสียงนี้กำลังร้องว่า “…ลูกกบอารมณ์ดีแหกกฎ”

“ลูกกบอารมณ์ดี”

“ลูกกบ”

“อ๊บๆๆ”

เซียวหัง “…”

เด็กน้อยร้องไห้อีกนิดหน่อย ตอนลู่เหยียนร้อง ‘อ๊บๆๆ’ เขาสะอื้นก่อนที่เสียงร้องจะค่อยๆ หยุดลง

“เห็นหรือยัง” ลู่เหยียนร้องเพลงจบก็เลิกคิ้วพูดกับเซียวหัง “กลับไปฝึกเพลงนี้ให้ดีๆ นะ”

เนื่องจากลู่เหยียนไม่ต้องไปเข้าเรียนแทนเซียวหังที่มหาวิทยาลัยแล้ว เขาเลยเปลี่ยนกลับไปแต่งตัวแบบเดิม หมุดคิ้วที่ใส่วันนี้เป็นห่วงกลมอันจิ๋วชุบทอง เวลาเลิกคิ้วหางคิ้วจะยกสูงขึ้นเล็กน้อย

เท่มาก

แน่นอนว่าถ้าเพลงที่ร้องไม่ใช่ ‘อ๊บๆๆ’ จะดูเท่กว่านี้

รอบก่อนเซียวหังไม่ได้เข้ามาในห้องของลู่เหยียน แต่ครั้งนี้กลับจับพลัดจับผลูได้เข้ามาข้างใน เขาเลยลอบสำรวจห้องนี้แบบเนียนๆ ถึงพื้นที่จะเล็กแต่ได้รับการจัดเก็บจนสะอาดสะอ้าน ถึงลู่เหยียนจะเล่นกีตาร์ได้แย่มาก แต่เฉพาะแค่กีตาร์ในห้องเขาก็มีไม่ต่ำกว่าสามตัว และหนึ่งในนั้นเป็นรูปโพรไฟล์ในวีแชตของลู่เหยียนด้วย

สายตาของเซียวหังเหลือบไปเห็นแผ่นซีดีหนึ่งกองที่อยู่บนหลังตู้

เนื่องจากพื้นที่เล็ก ห้องนอนกับห้องรับแขกเลยไม่ได้แยกออกจากกันอย่างชัดเจน เขาเห็นว่าบนเตียงของลู่เหยียนมีกางเกงยีนโยนไว้หนึ่งตัว และบนผนังฝั่งตรงกันข้ามกับเตียงมีโปสเตอร์…วง VENT

บนเวที นักร้องนำผมยาวถือไมค์ ขาเหยียบอยู่บนลำโพง ทำท่าทางแบบฉันน่ะเก่งที่สุด

รอบด้านคือความมืดสนิท

ไฟสีแดงแบบแปลกๆ สาดลงมากระทบร่างเขา

“นั่นนายเหรอ”

“อ๋อ” ลู่เหยียนมองตามสายตาของเซียวหังไป “ใช่ เมื่อปีที่แล้ว”

“ใช่วงที่สมาชิกออกไปสองคนหรือเปล่า”

“มีปัญหาเหรอ”

“เปล่า”

“นี่” ลู่เหยียนสังเกตเห็นว่าเด็กร้องจนเลิกร้องแล้ว แต่พอได้หลับตาก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาอีก หยาดน้ำตาเกาะอยู่บนขนตาของเด็กน้อย “เขาหลับแล้วเหรอ”

เซียวหังกำลังจะเอ่ยปากบอกว่า ‘ส่งเขามาให้ฉัน’ แต่กลับได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังมาจากด้านนอกกับมีเสียงไขกุญแจดังแกร๊กๆ

ผู้หญิงที่อยู่ห้องหกศูนย์หนึ่งยังคงแต่งตัวเหมือนเดิม กระโปรงสั้น แต่งหน้าหนา กลิ่นเหล้าเต็มตัว

เธอคงดื่มมาเยอะมาก เพราะขณะไขกุญแจเธอพยายามเสียบกุญแจเข้าช่องอยู่หลายครั้งแต่ก็เสียบไม่เข้า สุดท้ายจึงเตะประตูไปหนึ่งครั้งก่อนจะค่อยๆ ย่อตัวลง หยิบบุหรี่ซองหนึ่งออกมาจากกระเป๋าถือ เธอนั่งเอาหลังพิงประตู สูบบุหรี่เพื่อเรียกสติ

หญิงสาวได้ยินน้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นที่ข้างหู “ลูกเธอ จะเอาหรือไม่เอา”

มือที่จุดบุหรี่ของหญิงสาวสั่น จนกระทั่งไฟลวกนิ้ว

 

ก่อนเซียวหังมา เขาไม่รู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้คิดยังไง แม้แต่ชื่อจริงของผู้หญิงคนนี้เขาก็ยังสืบไม่ได้ ที่ไนต์คลับเรียกเธอว่าเสี่ยวเหลียน แต่พอไปอีกร้านหนึ่งก็เปลี่ยนชื่อเป็นหนานหนาน

เซียวหังตามหาอยู่หลายที่กว่าจะเจอที่อยู่ที่แน่นอน

พอคลอดเด็กแล้วก็ส่งไปที่บ้านของพวกเขา นอกจากรับเงินที่เซียวฉี่ซานให้ สาวห้องหกศูนย์หนึ่งก็ไม่ได้ทำอย่างอื่น ไม่เหมือนคนอื่นที่หาเรื่องแบบไม่รู้จักจบสิ้น เงียบจนผิดปกติ

ลู่เหยียนอุ้มเด็กยืนอยู่ที่ประตู เขาไม่อยากโดนดึงเข้าไปในเรื่องของครอบครัวคนอื่น แต่นาทีนั้นจะเดินเข้าไปก็ไม่ดี จะถอยหลังก็ไม่ได้ แต่ลู่เหยียนสัมผัสได้ว่าสายตาของสาวห้องหกศูนย์หนึ่งวนเวียนอยู่ที่เด็กทารก

ลู่เหยียนคิดว่าถ้าเจ้าหนูนี่เป็นน้องชายของเซียวหัง

และผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ของเจ้าหนู

ผู้หญิงคนนี้ก็เป็น…

ไม่ได้สิ อายุอานามไม่เหมาะ

 

“ลูกอะไร” สาวห้องหกศูนย์หนึ่งดึงสายตากลับ ก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆ พลางบอกว่า “ฉันไม่มีลูก”

“พวกเธอมาหาผิดคนแล้ว”

น้ำเสียงของผู้หญิงคนนี้นิ่งมาก เธอจุดบุหรี่ เวลาที่เธอสูบมันเข้าไปเธอจะหรี่ตาลง ดวงตาที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจนเข้มทำให้มองไม่เห็นรูปตาซ่อนอยู่ท่ามกลางควันบุหรี่ตลบอบอวล

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 124

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบสี่ เพราะเป็นภาคเรียนสุดท้ายนักเรียนปีสี่จะจบการศึกษาในฤดูร้อนของปีนี้ การเรียนการสอนในห้องเรียนแทบจ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 27-1

บทที่ 27-1 หวงปอรับใช้อยู่ข้างกายฮ่องเต้มานาน แม้จะเทียบไม่ได้กับพวกไป๋ตันหย่งที่ยืนอยู่ข้างกายซ้ายขวาของฮ่องเต้มาตั้งแต...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 125

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบห้า หลายวันก่อนตอนรอเขากลับมา ซูเสวี่ยจื้อเคยมโนภาพหลายครั้งมากว่าคนทั้งคู่จะพบหน้ากันแบบไหน แต่เธอค...

community.jamsai.com