ทดลองอ่าน Guardian เล่ม 1 บทที่ 2 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน Guardian เล่ม 1 บทที่ 2 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

หลังจากผ่านประตูหน้า จ้าวอวิ๋นหลานก็ลดความเร็วลง จู่ๆ เงาดำลูกหนึ่งก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า แล้วตกใส่กระโปรงหน้ารถของเขาจนเกิดเสียงดัง ‘ตุ้บ!’ ราวกับมีใครปาระเบิดมือใส่ เขาเห็นสัตว์ตัวกลมๆ ตัวหนึ่งกระโจนใส่รถของเขาอย่างรุนแรง ยังดีที่มันไม่กระแทกจนกระโปรงหน้ารถของเขาบุบ

จ้าวอวิ๋นหลานต้องเหยียบเบรกกะทันหัน เขายื่นหัวออกไปนอกหน้าต่างรถแล้วเดาะลิ้นอย่างปวดใจ “นี่เขาเรียกว่ารถยนต์ เป็นยานพาหนะ ไม่ใช่กระบะทรายของแมว! นายระวังหน่อยไม่ได้รึไง”

แมวดำตัวหนึ่งนั่งตัวตรงอยู่บนกระโปรงรถ มันมีขนช่วงลำคอที่ดูนุ่มละมุน ใบหน้ากลมเหมือนลูกพลับมีขน รูปร่างก็กลมเหมือนลูกบอล มองผ่านๆ ราวกับเป็นพี่น้องชาวแอฟริกันของเจ้าแมวอ้วนการ์ฟิลด์

มันนั่งงอขาหลัง พยายามเก็บพุงและเหยียดขาหน้าสั้นๆ ไปแตะพื้นกระโปรงรถอย่างยากลำบากเพื่อรักษาท่านั่งที่ดูสง่างามตามแบบฉบับของแมวเอาไว้

เจ้าแมวเหมียวหน้าลูกพลับกวาดตามองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าแถวนั้นไม่มีคนมันก็กระดิกหนวดแล้วเปิดปากพูดด้วยเสียงค่อนข้างทุ้มต่ำของผู้ชาย “อย่ามัวพล่ามไร้สาระ รีบลงมาจากรถ…นายไม่ได้กลิ่นนี้รึไง”

ในอากาศมีกลิ่นเหม็นเน่าที่สุดจะบรรยายลอยคละคลุ้งอยู่จริงๆ กลิ่นของมันเทียบได้กับอาวุธชีวภาพ จ้าวอวิ๋นหลานจอดรถข้างทาง ใช้มืออุดจมูก ขมวดคิ้วเอ่ยถามเจ้าแมว “เหม็นขนาดนี้ นายตดใช่มั้ย”

เจ้าแมวอ้วนดำไม่สนใจเขาให้เสียเวลา มันกระโดดลงจากกระโปรงหน้ารถอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด สะบัดก้นอันอ้วนใหญ่ใส่เขา แล้วเดินไปข้างหน้าด้วยท่วงท่าราวกับนางแบบบนแคตวอล์ก

ถนนด้านหน้ามีรถตำรวจจอดอยู่หลายคัน เจ้าหน้าที่ใช้เทปกั้นแสดงเขตห้ามเข้าที่ปากซอยเล็กๆ แห่งหนึ่งเอาไว้แล้ว

หลังจากควานหาในกระเป๋าอยู่นาน จ้าวอวิ๋นหลานก็ดึงใบอนุญาตทำงานขาดๆ วิ่นๆ ออกมา นายตำรวจชั้นผู้น้อยที่ยืนหน้าซีดเฝ้าสถานที่เกิดเหตุอยู่หน้าเทปกั้นเขตรับไปกวาดตามองอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ลนลานยัดใบอนุญาตกลับมาที่อกของจ้าวอวิ๋นหลาน ก่อนจะวิ่งเตลิดไปเกาะกำแพงแล้วอ้วกออกมาอย่างทนไม่ไหว

จ้าวอวิ๋นหลานเกาหัวที่ยุ่งเหยิงปานรังนกของเขาอย่างประหลาดใจ “สารรูปของฉันมันชวนอ้วกขนาดนั้นเลยเหรอ”

เจ้าแมวดำมาถึงที่หมายก่อนเขาหลายก้าว เมื่อเห็นว่าเขายังพูดจาไร้สาระอยู่ตรงนั้นมันก็ทนไม่ไหว หันกลับมาทำขนพอง ส่งเสียงร้องเรียก “เมี้ยว”

“ได้ๆๆ ทำงาน…โอ๊ย ให้ตายเถอะ กลิ่นนี้มันฆ่าคนตายได้ในสิบก้าวเลยนะเนี่ย”

ทันทีที่จ้าวอวิ๋นหลานปรากฏตัว คนข้างในก็รีบออกมาต้อนรับ เขาใช้กระดาษทิชชูปิดจมูก พูดเสียงดังก้องเหมือนอยู่ในตุ่มว่า “เจ้าหน้าที่จากหน่วยสืบสวนคดีพิเศษใช่มั้ยครับ”

ในกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ ทุกคนต่างก็รู้จักหน่วยงานลึกลับที่ชื่อว่า ‘หน่วยสืบสวนคดีพิเศษ’ หน่วยนี้

พวกเขาไม่ใช่หน่วยงานระดับล่าง แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่างานของพวกเขาคืออะไร มีกฎบัตรอย่างไร แต่ทุกครั้งที่หน่วยสืบสวนคดีพิเศษออกโรงล้วนเป็นคำสั่งโดยตรงจากเบื้องบน จึงไม่มีทางที่ใครจะคัดค้านได้

ถ้าพวกเขาไม่มาด้วยตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปเชิญตัวมาจากที่ไหน

พวกเขาขึ้นตรงกับกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ แต่บางครั้งก็ทำงานอย่างอิสระ และเนื่องจากเป็นหน่วยงานลับ จึงไม่เปิดเผยรูปแบบการทำคดี สื่อมวลชนไม่เคยได้รับอนุญาตให้สัมภาษณ์ อย่าว่าแต่จะตามตัวมาให้สัมภาษณ์เลย ตามปกติแม้แต่เงาของคนในหน่วยสืบสวนคดีพิเศษพวกเขายังหาไม่เจอ

ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจัดการกับคดียังไง สรุปได้ว่าเมื่อคดีถูกส่งไปที่นั่น มันก็เหมือนถูกส่งเข้ากล่องดำ สิ่งที่เปิดเผยต่อสาธารณชนมีเพียงรายงานปิดคดีที่น่าพิศวงเท่านั้น

บางครั้งเรื่องราวของเจ้าหน้าที่ในหน่วยสืบสวนคดีพิเศษยังลึกลับยิ่งกว่าคดีที่น่าค้างคาใจเหล่านั้นเสียอีก

รายงานปิดคดีของพวกเขามีรายละเอียดครบถ้วน ทั้งมูลเหตุของคดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผลลัพธ์ ข้อมูลผู้ต้องหา เหตุการณ์และขั้นตอนการจับกุม ทุกเรื่องมีคำอธิบายไว้อย่างชัดเจน มีการวิเคราะห์ตามหลักเหตุผลอย่างรอบคอบและแจกแจงทุกขั้นตอน ไม่มีทางที่ใครจะหาข้อบกพร่องออกมาได้

ข้อสงสัยมีเพียงอย่างเดียวก็คือ…เมื่อคดีปิดลง ผู้ต้องหาทุกคนก็ตายไปแล้ว

ทุกคดีที่ไปถึงมือพวกเขาล้วนเป็นคดีที่เลวร้ายมาก ถึงผู้ต้องหาจะตายก็ไม่สาสมกับความผิดที่ทำ แต่…มันก็บังเอิญมากเกินไปอยู่ดี

เวลานี้ผู้รับผิดชอบงานตรวจสอบที่เกิดเหตุคือนายตำรวจสูงวัยแซ่หยาง เขาจับมือจ้าวอวิ๋นหลานอย่างกระตือรือร้นพลางพินิจมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ

“คุณชื่ออะไรครับ” เขาเอ่ยถามอย่างนอบน้อม

“ผมแซ่จ้าว จ้าวอวิ๋นหลาน คุณเรียกผมว่าเสี่ยวหลานก็ได้”

เหล่าหยางประหลาดใจที่ได้ยินคำพูดนั้น เขาคิดไม่ถึงว่าหัวหน้าหน่วยสืบสวนคดีพิเศษคนปัจจุบันจะมาด้วยตัวเอง ตามที่เขาเห็น หัวหน้าจ้าวคนนี้อายุน่าจะยังไม่ถึงสามสิบปี เทียบกับตำแหน่งแล้วออกจะยังหนุ่มเกินไป อีกฝ่ายตัวสูง ผอมบาง บุคลิกสุภาพเรียบร้อย มองเผินๆ เหมือนนายแบบโฆษณาเสื้อผ้าบนแม็กกาซีน เพียงแต่เสื้อเชิ้ตยับยู่ยี่ กระดุมสองเม็ดด้านบนก็ไม่ได้ติด ชายเสื้อครึ่งหนึ่งยัดอยู่ในขอบกางเกง อีกครึ่งหลุดลุ่ยออกมา รวมเข้ากับเส้นผมยุ่งเหยิงราวกับรังนกแล้วดูเหมือนเจ้าตัวจะเป็นคนซกมกไปหน่อย

แต่คนที่อยู่ในตำแหน่งระดับนี้อย่าว่าแต่ซกมกเลย ต่อให้เปลือยกายออกจากบ้านผู้ใต้บังคับบัญชาก็จำต้องสรรเสริญเยินยอเหมือนเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่น

เหล่าหยางร้องออกมา “โอ้! คุณคือหัวหน้าจ้าวนี่เอง! เอ่อ…เอ่อ ผมนี่ตาไม่ถึงจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าหัวหน้าของพวกเราจะอายุน้อยขนาดนี้…”

เห็นได้ชัดว่าจ้าวอวิ๋นหลานคุ้นเคยกับการแสดงประเภทนี้อยู่แล้ว เขาเอ่ยปากโต้ตอบกลับไปอย่างสอดคล้องราวนักร้องประสานเสียง

ในตอนนี้มี ‘คน’ อารมณ์เสียซะแล้ว เมื่อได้ยินเสียงดัง ‘เมี้ยว’ เหล่าหยางก็ก้มหน้าลง เขาเห็นเงาดำร่างหนึ่งเคลื่อนไหวรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน มันเคลื่อนที่จากขากางเกงของจ้าวอวิ๋นหลาน ไต่ขึ้นไปตามเสื้อผ้า ปีนไปยังหัวไหล่ของชายหนุ่ม

มันคือแมวดำตัวหนึ่ง ดวงตาสีเขียวมรกต ตามหลักแล้วการปรากฏตัวของแมวดำในสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมฟังดูเหมือนเรื่องลี้ลับ แต่เจ้าแมวเหมียว ‘ลี้ลับ’ ตัวนี้มันช่างจ้ำม่ำเสียเหลือเกิน ไม่รู้ว่าทำไมพอเห็นมันแล้ว ความน่ายำเกรงและน่าสะพรึงกลัวก็แปรเปลี่ยนเป็นความวิตกกังวลเกี่ยวกับระดับโคเลสเตอรอลที่น่าจะสูงเกินไปของมันแทน

ดวงตาเล็กหยีของเหล่าหยางปะทะกับดวงตากลมโตของมัน “นี่…นี่…”

จ้าวอวิ๋นหลานคว้ากางเกงที่เกือบจะถูกเจ้าแมวอ้วนเกี่ยวจนหลุดอย่างเก้อเขิน เขาหัวเราะฝืดๆ “นี่คือเจ้าหน้าที่แมวของพวกเรา ปกติมันจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด ตอนนี้คงจะไม่พอใจที่เห็นพวกเราเอาแต่คุยกัน”

“…”

เจ้าแมวดำร้องเมี้ยวออกมาคำหนึ่งอย่างไม่แยแส มันสะบัดหางอ้วนพีที่วางอยู่บนไหล่ของจ้าวอวิ๋นหลานอย่างไม่สบอารมณ์แล้วเชิดคอขึ้นอย่างหยิ่งยโส…แต่ก็ยากที่ใครจะมองเห็น เพราะการหาตำแหน่งลำคอของมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

จ้าวอวิ๋นหลานเข้าใจ เขายื่นมือไปคลำหาบัตรประจำตัวจากคอของมันซึ่งลำบากไม่ใช่น้อยกว่าจะแยกบัตรออกมาจากชั้นไขมันและเส้นขนอันหนาทึบได้ เขาส่งบัตรให้เหล่าหยาง “นี่คือใบอนุญาตจากหน่วยสืบสวนคดีพิเศษ เทียบเท่ากับใบอนุญาตทำงานของพวกเราทุกคน มันได้รับการอนุมัติให้ผ่านเข้าออกสถานที่เกิดเหตุได้ทุกที่ คุณวางใจได้ แมวแก่ รู้งานดี ไม่ก่อเรื่องวุ่นวายหรอก”

“…”

เหล่าหยางเริ่มคิดว่าเรื่องนี้มันชักจะไร้สาระเกินไปแล้ว

ครู่ต่อมาหัวหน้าจ้าวซึ่งเป็นถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงก็อุ้มเจ้าแมวเหมียวเดินตามเหล่าหยางเข้าไปในที่เกิดเหตุ

ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ กลิ่นเหม็นก็ยิ่งคละคลุ้ง

ในซอยเล็กๆ มีศพหญิงสาวคนหนึ่งนอนอยู่ เธอสวมเสื้อเชิ้ตสกรีนข้อความว่า ‘น้องใหม่มหา’ลัยหลงเฉิง’ ลูกตาเธอแทบถลนออกมาจากเบ้า แขนขาถูกจัดให้กางออกเป็นอักษรคำว่าต้า (大) ปากของเธออ้าค้าง ช่องท้องถูกผ่าด้วยของมีคม อวัยวะภายในว่างเปล่า ไส้ถูกควักกระจัดกระจายเหมือนหุ่นยัดนุ่น

เหล่าหยางใช้กระดาษทิชชูปิดจมูกอีกครั้ง ใบหน้าเขายับย่น ดูบิดเบี้ยวจนแทบแยกไม่ออกว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน

เจ้าแมวอ้วนบนไหล่ของจ้าวอวิ๋นหลานลากเสียงร้องเหมียวแล้วกระโดดลงไปที่พื้น มันเดินวนรอบศพสองรอบ สุดท้ายก็หยุดลงตรงจุดหนึ่ง มันนั่งหมอบอยู่ตรงนั้นพลางเงยหน้ามองจ้าวอวิ๋นหลาน ทำท่าเหมือนสุนัขตำรวจที่ได้รับการฝึกฝนจนชำนาญเวลาตรวจพบยาเสพติด

จ้าวอวิ๋นหลานเดินเข้าไปหา ล้วงถุงมือยับยู่ยี่จากกระเป๋ากางเกงที่ยับย่นออกมาสวม เขาลูบไปบนพื้นตรงที่เจ้าแมวเหมียวหมอบอยู่ จากนั้นเขาก็ยกแขนข้างหนึ่งของศพขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

เหล่าหยางคอยื่นคอยาว เขาเห็นรอยฝ่ามือเปื้อนเลือดครึ่งหนึ่งที่ถูกบดบังเอาไว้ใต้ศพ

นั่นไม่ใช่รอยฝ่ามือของคนอย่างแน่นอน ฝ่ามือเล็กเหมือนฝ่ามือเด็ก แต่นิ้วมือกลับยาวอย่างน้อยยี่สิบเซนติเมตร ตลอดชีวิตการเป็นตำรวจสืบสวนของเหล่าหยาง เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย

เหล่าหยางเบิกตาอ้าปากค้าง เขาตกใจจนสะดุ้งเมื่อได้ยินจ้าวอวิ๋นหลานพูดอย่างขึงขังว่า “ต่อไปคดีนี้จะถูกโอนไปยังหน่วยสืบสวนคดีพิเศษ กระบวนการสืบสวนจะแล้วเสร็จภายในสองวันทำการ”

พูดจบจ้าวอวิ๋นหลานไม่รอให้เหล่าหยางตอบกลับ เขาชี้ไปยังประตูพังๆ ที่อยู่บนกำแพงแล้วเอ่ยถาม “นั่นประตูอะไร”

มันคือประตูข้างของมหาวิทยาลัยหลงเฉิง

 

โปรดติดตามตอนต่อไป…

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 124

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบสี่ เพราะเป็นภาคเรียนสุดท้ายนักเรียนปีสี่จะจบการศึกษาในฤดูร้อนของปีนี้ การเรียนการสอนในห้องเรียนแทบจ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 27-1

บทที่ 27-1 หวงปอรับใช้อยู่ข้างกายฮ่องเต้มานาน แม้จะเทียบไม่ได้กับพวกไป๋ตันหย่งที่ยืนอยู่ข้างกายซ้ายขวาของฮ่องเต้มาตั้งแต...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 125

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบห้า หลายวันก่อนตอนรอเขากลับมา ซูเสวี่ยจื้อเคยมโนภาพหลายครั้งมากว่าคนทั้งคู่จะพบหน้ากันแบบไหน แต่เธอค...

community.jamsai.com