ทดลองอ่าน Guardian เล่ม 1 บทที่ 1 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน Guardian เล่ม 1 บทที่ 1 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

บทที่ 1

อาคารหมายเลขสี่ ถนนกวงหมิง*

 

วันที่สิบห้าเดือนเจ็ดตามปฏิทินจันทรคติ ท้องฟ้ายังคงมืดมิด

เหล่าแมวจรจัดน้อยใหญ่พากันกลับถิ่นไปหมดแล้ว เวลานี้แม้แต่ถนนใหญ่ของเมืองหลงเฉิงเองก็เริ่มเปลี่ยวร้าง มีเพียงเสียงร้องของแมลงดังแว่วมาจากพุ่มไม้เป็นครั้งคราว เดี๋ยวดังเดี๋ยวเงียบ ยิ่งทำให้บรรยากาศน่ากลัวจนขนหัวลุก

ตอนนี้เป็นเวลาตีสองครึ่ง น้ำค้างเริ่มลงและอากาศเริ่มชื้น

ทั้งชื้นทั้งเหนียวเหนอะหนะ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีลมหรือเปล่า ตามซอกมุมถึงได้ดูเหมือนมีเงาของอะไรบางอย่างแวบไปแวบมาตลอดเวลา ทำให้คนเดินถนนอดรู้สึกไม่ได้ว่ามีบางอย่างจับจ้องอยู่ที่หลังของตน

ในตอนนี้กัวฉางเฉิงได้ถือจดหมายแจ้งให้ทราบของเขาเดินเข้าไปยังอาคารหมายเลขสี่ ถนนกวงหมิง

พ่อแม่ของกัวฉางเฉิงตายตั้งแต่เขายังเด็ก เขาไม่หล่อแถมยังมีนิสัยรักสันโดษและขี้ขลาด เป็นพวกที่เกิดมาแล้วต้องพึ่งพาคนอื่นเสมอ โชคดีที่มีบรรดาป้าๆ ในบ้านเลี้ยงดูเขาเป็นอย่างดี ผลัดกันดูแลจนกระทั่งเขาเรียนจบมหาวิทยาลัย

น่าเสียดายที่กัวฉางเฉิงเป็นคนเหยาะแหยะ การเรียนจึงกระท่อนกระแท่นอยู่ในระดับปลายแถวของมหาวิทยาลัย เกรดเฉลี่ยก็ปานกลาง เวลายืนนิ่งๆ เขาดูสูงใหญ่น่าเกรงขาม แต่พอเจอคนแปลกหน้าทีไรเป็นขี้หดตดหายทุกที

ดังนั้นกัวฉางเฉิงจึงไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังด้วยการไม่ยอมหางานทำ หลังจากเรียนจบเขาก็เอาแต่นั่งๆ นอนๆ หมกตัวอยู่แต่ในบ้านมากว่าครึ่งปีแล้ว

ต่อมาลุงรองของเขาที่ถูกย้ายไปทำงานในกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติทนดูต่อไปไม่ไหว จึงใช้เส้นสายช่วยหางานในเครือกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติให้หลานชายที่ไม่เอาไหนอย่างเขา อย่างน้อยเขาจะได้มีอะไรทำบ้าง

เดิมทีกัวฉางเฉิงคิดว่าวิถีชีวิตในอนาคตของเขาต่อจากนี้คือการใส่เครื่องแบบ ไปทำงานตั้งน้ำชงชา จัดแฟ้มเล่นเกมเรียงไพ่ เข้างานเก้าโมงเลิกงานห้าโมงเย็น…จนกระทั่งเขาได้รับจดหมายแปลกๆ ฉบับนี้ ‘จดหมายแจ้งข้อเสนออย่างเป็นทางการ’

ตอนแรกกัวฉางเฉิงยังคิดว่าที่ไหนออกจดหมายมาผิด แต่ก็เห็นว่าบนจดหมายนั้นเขียนด้วยตัวหนังสือแดงเข้มว่า

 

‘สหายกัวฉางเฉิง

ยินดีด้วย คุณได้รับคัดเลือกจากหน่วยงานของเราให้ทำงานที่นี่ คุณจะได้รับเงินเดือนและสวัสดิการที่สูงกว่าข้าราชการระดับเดียวกันหรือระดับสูงกว่าจากหน่วยอื่นๆ ของกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ ในขณะเดียวกันยังได้รับใช้ประชาชนโดยการรับผิดชอบงานสำคัญ หวังว่าวันข้างหน้าคุณจะอุทิศตนและทุ่มเทให้กับการทำงานในตำแหน่งใหม่ ก้าวไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่น เชื่อมั่นในอุดมการณ์ของผู้นำ รักสามัคคี เป็นมิตรที่ดีของเพื่อนร่วมงาน สร้างผลงานให้ตนเองด้วยการร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางสังคมและความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศชาติ

ในวันที่สามสิบเอ็ดเดือนแปด (วันที่สิบห้าเดือนเจ็ดตามปฏิทินจันทรคติ) เวลาสองนาฬิกาสามสิบนาที กรุณานำบัตรประชาชนและจดหมายแจ้งให้ทราบฉบับนี้มารายงานตัวที่สำนักงานของเราให้ตรงเวลา (อาคารหมายเลขสี่ ถนนกวงหมิง ชั้นหนึ่งฝ่ายบุคคลและธุรการ) ในนามของบุคลากรทุกคนในหน่วยงาน ผมขอต้อนรับคุณมาเป็นเพื่อนร่วมงานและสหายที่ดีของพวกเรา

กระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ

หน่วยสืบสวนคดีพิเศษ

วันที่ XX เดือน XX ปี XXXX’

 

ตามปกติแล้ว เมื่อเห็นช่วงเวลาที่ให้ไปรายงานตัวแปลกๆ แบบนี้ คนทั่วไปย่อมคิดว่าเป็นการพิมพ์ผิด อย่างน้อยก็ต้องโทรศัพท์ไปขอคำยืนยันสักหน่อย แต่กัวฉางเฉิงเป็นโรคกลัวการเข้าสังคม ชีวิตที่ปิดตายกว่าครึ่งปียิ่งทำให้โรคกลัวการโทรศัพท์ของเขากำเริบรุนแรงยิ่งขึ้น แค่คิดว่าจะต้องโทรหาคนอื่น เขาก็เครียดจนนอนไม่หลับทั้งคืนแล้ว

ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ยอมโทรไปจนกระทั่งถึงเที่ยงคืนของวันที่สามสิบเดือนแปด

และแล้วกัวฉางเฉิงก็คิดหาทางออกที่เขาคิดเอาเองว่าดีที่สุดได้…เขายอมอดนอนหนึ่งคืน ตัดสินใจว่าจะไปด้วยตัวเองตอนตีสองครึ่งรอบหนึ่ง ถ้าไม่เจอใครก็จะไปแอบงีบในร้านแมคโดนัลด์ที่อยู่ใกล้ๆ พอบ่ายสองโมงครึ่งค่อยไปอีกรอบ เวลาที่คาดไว้สองรอบนี้ยังไงซะก็ต้องมีที่ถูกต้องสักรอบหนึ่ง

เวลาแบบนี้รถไฟใต้ดินในเมืองหยุดวิ่งหมดแล้ว กัวฉางเฉิงจึงต้องขับรถไปเอง หลังจากเสียเวลาขับรถวนหาอยู่นาน ในที่สุดเขาก็เจอที่หมายโดยมีเนวิเกเตอร์เป็นตัวช่วย

อาคารหมายเลขสี่ ถนนกวงหมิงไม่ได้อยู่ติดถนน แต่ซ่อนตัวอย่างมิดชิดอยู่ในสวนแห่งหนึ่ง กัวฉางเฉิงยืนอยู่หน้าประตูสวน เขาสอดส่ายสายตามองหาอยู่นานโดยมีแสงไฟจากหน้าจอมือถือเป็นตัวช่วย ในที่สุดเขาก็เจอป้ายเล็กๆ ป้ายหนึ่งอยู่ใต้ใบหนาทึบของต้นบอสตันไอวี่ เขามองเห็นหมายเลขที่อยู่ชัดเจน

ใต้ป้ายบ้านเลขที่มีตัวอักษรเล็กจิ๋วแถวหนึ่งสลักอยู่บนก้อนหิน มันสลักเป็นคำว่า ‘หน่วยสืบสวนคดีพิเศษ’ และมีตราประทับของกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติอยู่ด้านล่าง

พื้นที่ในสวนถูกจัดไว้เป็นอย่างดี มีที่จอดรถอยู่หน้าประตู เมื่อเดินเข้าไปข้างในจะเจอกับต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านงอกงามเรียงเป็นแถวราวกับป่าขนาดย่อมที่มีเพียงถนนสายเล็กๆ กั้นกลาง เดินตามถนนไปเขาก็มองเห็นบ้านหลังน้อยที่คาดว่าคงเป็นป้อมยาม และมีอาคารสำนักงานที่ดูเก่าแก่อีกหลังหนึ่ง

ไฟในป้อมยามยังคงสว่าง มีแสงส่องผ่านบานหน้าต่างออกมา กัวฉางเฉิงเห็นเงาคนใส่เครื่องแบบ สวมหมวกใบใหญ่อยู่บนหัว กำลังพลิกหน้าหนังสือพิมพ์ในมือเป็นครั้งคราว

กัวฉางเฉิงไม่ทันได้พิจารณาเจ้าหน้าที่ในป้อมยามให้ดีๆ เขาสูดลมหายใจอย่างแรง ตื่นเต้นจนเหงื่อออกฝ่ามือ

“ผมมาสมัครงาน นี่คือจดหมายแจ้งให้ทราบของผม…ผมมาสมัครงาน นี่คือจดหมายแจ้งให้ทราบของผม…ผมมาสมัครงาน นี่คือจดหมายแจ้งให้ทราบของผม…” กัวฉางเฉิงยืนอยู่ที่เดิม ท่องประโยคนี้งึมงำอยู่ในปากหลายสิบเที่ยวเหมือนกำลังท่องหนังสือ สุดท้ายก็ฝืนทำใจกล้า เดินเข้าไปใช้มืออันสั่นเทาเคาะหน้าต่างป้อมยามสองสามที อีกฝ่ายยังไม่ทันเงยหน้าขึ้นมาเขาก็เอ่ยปากแนะนำตัวเหมือนคนที่กำลังจะขาดใจตายว่า “ผม…ผมมาแจ้งให้ทราบ นี่คือจดหมายสมัครงานของผม…”

คนในป้อมยามมองชายหนุ่มที่มารายงานตัวอย่างงุนงง “เอ๋?”

หมดกัน แค่นี้ยังจะพูดผิดอีก กัวฉางเฉิงอยากจะร้องไห้ อัดอั้นตันใจจนใบหน้ากลายเป็นมันม่วงหัวใหญ่

ดีที่อีกฝ่ายมองเห็นจดหมายแจ้งให้ทราบในมือของเขาแล้วเข้าใจทันที จึงเอ่ยอย่างกระตือรือร้นว่า “โอ๊ะโอ! นายคือสหายที่มาใหม่ปีนี้ใช่ไหม จะให้เรียกว่าอะไร โอ๊ะ…ฉันเห็นแล้ว เสี่ยวกัว**! พวกเราที่นี่ไม่ได้เห็นคนหน้าใหม่มาหลายปีแล้ว เป็นยังไงบ้าง ที่นี่หาเจอยากไหม”

กัวฉางเฉิงถอนใจโล่งอก เขาชอบคนที่อัธยาศัยดีและเป็นมิตรอย่างนี้ที่สุด เพราะถ้าอีกฝ่ายเป็นคนช่างพูดชอบพล่ามไม่หยุด เขาก็ไม่ต้องพูดอะไร แค่ส่ายหัวกับพยักหน้าก็พอ

“มารายงานตัววันแรกใช่ไหม จะบอกให้นะ นายนี่โชคดีจริงๆ คืนนี้หัวหน้าของพวกเราอยู่พอดี ไปกันเถอะ ฉันจะพาไปทำความรู้จักทุกคน”

พอได้ยินอย่างนั้นกัวฉางเฉิงก็ขนลุกชัน…เขาไม่ได้รู้สึกโชคดี กลับรู้สึกว่าหัวของตัวเองเริ่มจะมีกลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมา

 

* อาคารหมายเลขสี่ ถนนกวงหมิง ใช้เปรียบเปรยได้กับสถานที่อันเป็นทางผ่านก่อนคนตายจะไปพบทางสว่าง หรือหมายถึงที่อยู่ของคนตายก็ได้ ซึ่งคำว่าสี่ในภาษาจีนออกเสียงเหมือนคำว่าตาย ส่วนคำว่ากวงหมิงหมายถึงแสงสว่าง

** ชาวจีนจะใช้คำว่า ‘เสี่ยว’ เรียกเพื่อนหรือผู้ที่มีอายุน้อยกว่าแล้วต่อด้วยนามสกุล ใช้แสดงความสนิทสนมหรือเป็นชื่อเล่น ส่วนคำว่า ‘เหล่า’ จะใช้เรียกคนที่สนิทสนมกัน แต่อีกฝ่ายมีอายุมากกว่า

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 124

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบสี่ เพราะเป็นภาคเรียนสุดท้ายนักเรียนปีสี่จะจบการศึกษาในฤดูร้อนของปีนี้ การเรียนการสอนในห้องเรียนแทบจ...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 125

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบห้า หลายวันก่อนตอนรอเขากลับมา ซูเสวี่ยจื้อเคยมโนภาพหลายครั้งมากว่าคนทั้งคู่จะพบหน้ากันแบบไหน แต่เธอค...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 27-1

บทที่ 27-1 หวงปอรับใช้อยู่ข้างกายฮ่องเต้มานาน แม้จะเทียบไม่ได้กับพวกไป๋ตันหย่งที่ยืนอยู่ข้างกายซ้ายขวาของฮ่องเต้มาตั้งแต...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 126

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบหก สิบเก้านาฬิกาตรง เฮ่อฮั่นจู่ไปถึงคฤหาสน์สกุลเฉาตรงเวลา เฉาเจาหลี่ ลูกชายคนโตที่เกิดกับภรรยาหลวงขอ...

community.jamsai.com