ทดลองอ่าน Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 3 บทที่ 87-89 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Additional Heritage มรดกลวงรัก

ทดลองอ่าน Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 3 บทที่ 87-89 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 3

ทดลองอ่าน เรื่อง Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 3

ผู้เขียน : 水千丞 (Shui Qian Cheng)

แปลโดย : : เฉินซุ่นเจิน

ผลงานเรื่อง : 附加遗产 (Fu Jia Yi Chan)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง ปัญหาครอบครัว

การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ

การบูลลี่ การมีอคติต่อคนรักร่วมเพศ การกล่าวถึงเลือด การสะกดรอยตาม การลักพาตัว

การกักขังหน่วงเหนี่ยว การทรมาน และการพยายามฆ่า ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

  

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 87

 

ก่อนจะออกจากห้อง ไม่รู้ว่าเกิดอารมณ์ไหนเวินเสี่ยวฮุยจึงลุกขึ้นมาแต่งหน้า ทั้งยังเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่และจัดเสื้อผ้าอย่างระมัดระวัง เขาคิดอย่างเย้ยหยันตัวเองว่าถ้าเขาแทงบอดี้การ์ดคนนั้นจริงๆ ก็จะต้องตกเป็นข่าวอย่างแน่นอน แต่ต่อให้เป็นข่าวก็ต้องเป็นข่าวด้วยใบหน้าสวยๆ สิ

พอแม่เห็นว่าเขาแต่งหน้าสวยก็นึกว่าเขามีเดต ทั้งยังหัวเราะพลางด่าเขาว่าหลงตัวเอง

เวินเสี่ยวฮุยเดินเข้ามาจูบแม่ จากนั้นก็ออกไปพร้อมกับรอยยิ้มสดใส

รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายวับไปทันทีที่ออกมาจากห้อง เขากำมีดที่อยู่ในมือแน่น จากนั้นจึงขับรถออกไป

เมื่อมาถึงร้านกาแฟบอดี้การ์ดกำลังรออยู่ตรงที่นั่งข้างหน้าต่างแล้ว เวินเสี่ยวฮุยเดินเข้าไปด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

บอดี้การ์ดเหลือบมองเขา ดูอึดอัดอย่างอธิบายไม่ถูก อีกฝ่ายพูดเยาะเย้ย “แต่งหน้าสวยขนาดนี้จะไปเดินแคตวอล์กหรือไง”

เวินเสี่ยวฮุยเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย บางทีอาจเป็นเพราะกำลังตกใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำเขาจึงไม่รู้สึกกลัวคนคนนี้อีกแล้ว เขานั่งลงอย่างใจเย็นแล้วพูดเรียบๆ

“ต่อให้ฉันตายก็ต้องตายอย่างสง่างาม พูดมาเถอะ นายอยากจะให้ฉันทำอะไร”

“ไม่ใช่ว่าผมอยากให้คุณทำอะไร แต่เป็นเจ้านายของผมที่อยากให้คุณทำ” บอดี้การ์ดมองสำรวจเขา “คุณกล้ากว่าที่ผมคิดซะอีกนะ”

เวินเสี่ยวฮุยเหลือบตาขึ้น “นายหมายความว่าอะไร”

บอดี้การ์ดเงยคางขึ้น “ในกระเป๋ากางเกงคือมีดสินะ”

สีหน้าของเวินเสี่ยวฮุยแปรเปลี่ยน เขากำมีดในกระเป๋ากางเกงแน่นโดยไม่รู้ตัว

บอดี้การ์ดยิ้มเยาะ “ตอนที่ผมเล่นมีด คุณอาจจะเพิ่งหัดเดินก็ได้ ไหล่แข็งทื่อของคุณ มือที่ล้วงกระเป๋าเป็นระยะๆ สีหน้าที่ทั้งวิตกกังวลแล้วก็ตื่นเต้นหนีไม่พ้นสายตาของมืออาชีพไปได้หรอก ทำไม คิดจะแทงผมเหรอ คิดจะเข้าคุกด้วยหน้าสวยๆ น่ะเหรอ คุณถูกเล่นงานจนตายแน่”

เวินเสี่ยวฮุยกัดฟันพูด “นายเป็นอาชญากรที่มีหมายจับ ส่วนฉันก็แค่ป้องกันตัวเอง”

“ที่คุณพูดก็มีเหตุผล แต่น่าเสียดายที่คุณจะไม่มีโอกาสนั้น” บอดี้การ์ดพูดอย่างมืดมน “ถ้าคุณกล้าขยับตัวล่ะก็ ผมจะควักลูกตาของคุณออกมาตรงนี้เลย ศัลยกรรมก็คงช่วยอะไรคุณไม่ได้”

เวินเสี่ยวฮุยหนาวสะท้านในใจ ไหล่ของเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

บอดี้การ์ดหัวเราะอย่างเย็นชา “ตอนนี้ก็เก็บแผนการน้อยๆ ของคุณไว้แล้วฟังผม”

เวินเสี่ยวฮุยสูดหายใจเข้าลึก มองเขาอย่างเคียดแค้น

“ผมอยากให้คุณเอาอะไรบางอย่างมาจากลั่วอี้ ซีดี ตราประทับ และซองเอกสาร มันน่าจะอยู่ด้วยกันทั้งหมด”

“ฉันต้องไปหาที่ไหน แล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่าเป็นสิ่งที่พวกนายต้องการ”

“จะไปหาที่ไหนนั่นเป็นเรื่องของคุณ ซีดีมันนานมาแล้ว ลั่วอี้อาจจะมีสำเนา แต่เขาไม่มีทางมีสำเนาของตราประทับ หรือถึงมีก็ไม่มีประโยชน์ เอกสารก็เหมือนกัน ฉะนั้นคุณแค่ต้องหาตราประทับของ ‘บริษัทฉางหง คอนซัลติ้ง เซอร์วิส จำกัด’ กับซองที่มีเอกสารอยู่ข้างในเยอะๆ ก็พอ”

“ในซองเอกสารมีอะไร”

“น่าจะมีเอกสารราชการทางการค้า ตั๋วเงิน กำหนดการเดินทาง แล้วก็รูปถ่ายจำนวนหนึ่ง ส่วนเนื้อหาข้างในผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่พอคุณเห็นแล้วก็น่าจะรู้ว่ามันเป็นของที่เจ้านายผมอยากได้”

เวินเสี่ยวฮุยพูดด้วยน้ำเสียงล้ำลึก “พอได้ไปแล้วพวกนายคิดจะทำอะไร”

“แน่นอนว่าเพื่อคดีความของเจ้านายผม” บอดี้การ์ดพูด “เวลาของพวกเรากระชั้นมาก คุณต้องหาของที่ผมต้องการมาให้ผมภายในหนึ่งอาทิตย์”

“หนึ่งอาทิตย์? ฉันยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามันอยู่ที่ไหน”

บอดี้การ์ดนวดขมับ “หาวิธีสิ ผมจะบอกคุณให้ว่าของพวกนั้นคือของที่ลั่วอี้ขุดออกมาจากผนังห้องของคุณนั่นแหละ”

เวินเสี่ยวฮุยเบิกตากว้าง “อะไร…นะ”

“ของพวกนั้นคือของที่ลั่วหย่าหย่าเก็บไว้ปกป้องตัวเอง เธอฝากไว้ที่พ่อของคุณ ผมไม่สนว่าคุณจะใช้วิธีไหน แค่หาพวกมันให้เจอก็พอ” บอดี้การ์ดลุกขึ้นยืน “แล้วผมจะติดต่อคุณไปเอง” เขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดกะทันหัน ก่อนจะหันมายิ้มให้เวินเสี่ยวฮุย “ร้านของเพื่อนคุณนี่ขายดีจริงๆ”

มีความโหดร้ายวาบผ่านใบหน้าของเวินเสี่ยวฮุย เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แทบทนไม่ไหวนึกอยากจะกลืนคนตรงหน้านี้ซะ

หลังจากที่บอดี้การ์ดไปแล้วเขาก็นั่งเหม่ออยู่ในร้านกาแฟนานมาก อันที่จริงเขาก็พอจะเดาได้ว่าลั่วอี้จะเก็บของเหล่านั้นไว้ที่ไหน คนอย่างลั่วอี้นั้นไม่น่าไว้วางใจ ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็ไม่ไว้ใจใครเลย สิ่งสำคัญจะต้องถูกเก็บไว้ในที่ที่ลั่วอี้สามารถควบคุมได้อย่างแน่นอน ดังนั้นมันน่าจะอยู่ในคฤหาสน์

เขาไม่รู้ว่าควรจะไปหาที่ไหนในคฤหาสน์ที่กว้างใหญ่ขนาดนั้น แล้วถ้าหาเจอแล้ว…ถ้าหาเจอแล้ว เขานำสิ่งนั้นไปให้ฉางสิงแล้วจะเป็นอย่างไรต่อ ฉางสิงจะได้รับการปล่อยตัวหรือเปล่า ถ้าฉางสิงออกมาได้แล้ว สถานการณ์ของลั่วอี้ก็คงจะอันตรายมากอย่างแน่นอน

เวินเสี่ยวฮุยดึงผมแล้วขยี้มันอย่างแรง เขารู้สึกปวดหัวจนเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

บางครั้งเขาก็จะตกอยู่ในภวังค์และรู้สึกว่าตอนนี้ชีวิตของตัวเองนั้นไม่สมจริงเกินไป สิ่งที่เขาชื่นชอบที่สุดในชีวิตคือการได้อยู่อย่างมีความสุข ทว่าเขากลับถูกหลอกหลอนด้วยปัญหาที่ไม่มีที่สิ้นสุดตั้งแต่เมื่อไรกัน ไม่มีสักวันที่หัวใจของเขาจะสามารถสงบได้อย่างแท้จริง และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะลั่วอี้ จนป่านนี้แล้วลั่วอี้ก็ยังไม่ปล่อยเขาไป แล้วจะไม่ให้เขาเกลียดได้อย่างไร

ด้วยการคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เขานึกถึงสิ่งที่ลั่วอี้เคยทำกับเขา แม้เขาจะไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน อีกทั้งยังไม่กล้าแก้แค้น แต่เมื่อความปลอดภัยของครอบครัวและผลประโยชน์ของลั่วอี้มีความขัดแย้งกัน เขาก็ไม่ควรลังเล

แววตาของเวินเสี่ยวฮุยเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ เขาจะต้องส่งแม่กลับอเมริกาโดยเร็วที่สุด ทางที่ดีที่สุดก็ต้องให้หลัวรุ่ยไปอยู่ที่ออสเตรเลียสักพัก ไม่ว่าจะเป็นแผนการสมรู้ร่วมคิดของฉางสิงหรือความโกรธของลั่วอี้ ให้เขาแบกรับตามลำพังก็พอ

หลังจากคุยกับตัวเองจบเวินเสี่ยวฮุยก็ไปหาลั่วอี้ในทันที

เมื่อเขาเข้าไปถึงเฉาไห่ก็อยู่ที่นั่นด้วยพอดี ทั้งสองคนคุยกัน ทันทีที่เห็นเวินเสี่ยวฮุย สีหน้าขึงขังของลั่วอี้ในตอนแรกก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มสดใสราวกับดอกไม้เหี่ยวเฉาที่เบ่งบานในทันที งดงามจนไม่อาจละสายตาไปได้

“พี่เสี่ยวฮุย พี่กลับมาแล้วเหรอ ผมนึกว่าพี่จะกลับมาอาทิตย์หน้าซะอีก” ลั่วอี้เดินเข้าไปก่อนจะก้มหน้าจูบเขาโดยไม่ลังเลแล้วกระซิบข้างหู “วันนี้พี่สวยจริงๆ”

เวินเสี่ยวฮุยมองเฉาไห่อย่างอึดอัดเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ลั่วอี้ไม่เคยแสดงความรักกับเขาต่อหน้าคนนอก แม้จะเป็นตอนที่รักกันอย่างร้อนแรง ตอนนั้นเขาคิดว่าเป็นเรื่องปกติมาก แม้เขาไม่สนใจทว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งสองคนก็เป็นผู้ชาย ต่อมาเมื่อหวนนึกถึงมัน เขาจึงตระหนักได้ว่าตอนนั้นลั่วอี้ไม่ต้องการมีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกับเขา ในเวลานั้นเขามีความหมายต่อลั่วอี้ในฐานะมรดกก้อนหนึ่งเท่านั้น

แม้ปัจจุบันลั่วอี้จะทนไม่ไหวโดยอยากให้ทั้งโลกรับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา แต่ตอนนี้เขากลับไม่สนใจมันอีกต่อไปแล้ว

สีหน้าของเฉาไห่ไร้อารมณ์ เขาพูดกับเวินเสี่ยวฮุย “ไม่เจอกันนานเลย”

เวินเสี่ยวฮุยพยักหน้าให้เขา

ลั่วอี้พูดอย่างมีความสุข “พี่กลับมากินข้าวใช่ไหม”

“เปล่า ฉันจะมาคุยเรื่องสตูดิโอกับนาย พวกนายคุยกันไปก่อนเถอะ”

“โอเค พี่ไปรอผมที่ชั้นบน เดี๋ยวผมก็คุยเสร็จแล้ว”

เวินเสี่ยวฮุยหมุนตัวขึ้นชั้นบนไปแล้ว

หลังจากมองดูเงาของเวินเสี่ยวฮุยหายลับไปที่หัวบันได เฉาไห่ก็พูดขึ้น “ลั่วอี้ นายคิดจะทำแบบนี้จริงเหรอ มันเสี่ยงเกินไป ตอนนี้ฉางสิงกลายเป็นหมาจนตรอกแล้ว ต่อให้เขาเอาตัวไม่รอด เขาก็จะพานายลงนรกไปด้วย”

ลั่วอี้ยกมาร์ตินี่บนโต๊ะขึ้นจิบก่อนจะพูดช้าๆ “เฉาไห่ นายคิดว่าฉันอยู่ห่างจากนรกมากนักเหรอ ไม่ว่าจะในอดีตหรือตอนนี้ก็ตาม”

เฉาไห่อึ้งไป

ลั่วอี้เคาะปลายปากกาบนสัญญาครั้งแล้วครั้งเล่าพลางพูดเสียงต่ำ “นายเองก็ถือได้ว่าเห็นฉันโตมา ฉันรู้ดีว่านายก็ถูกบังคับถึงได้ทำสัญญากับฉัน คนอย่างฉันน่ะ ต่อให้ถูกหมาเลี้ยงก็ไม่เชื่องหรอก ถ้าฉันตายไปตอนนี้ก็อาจจะไม่มีใครเสียน้ำตาให้เลยก็ได้” ลั่วอี้เงยหน้าขึ้นและมองไปที่เฉาไห่ด้วยดวงตาลึกล้ำ “แต่ว่าเวินเสี่ยวฮุยเคยชอบฉันจริงๆ เขาชอบฉันคนนี้อย่างจริงใจและบริสุทธิ์ใจ จะมีคนชอบคนอย่างฉันได้ยังไง” เขาหัวเราะเบาๆ สองที น้ำเสียงของเขาสำลักจากการสะอึก “ถึงรู้ว่าถูกฉันหลอกก็ยังเต็มใจช่วยฉัน”

เฉาไห่ขมวดคิ้วมุ่น “ฉันรู้สึกว่านายเข้าใจในทุกตรรกะ จิตใจคนนายก็มองเห็นอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่นายมักจะเลือกทางที่น่าหวาดระแวงแล้วก็ผิดปกติที่สุดเสมอ ตอนนี้ท่าทีของเวินเสี่ยวฮุยเป็นยังไงนายยังดูไม่ออกอีกเหรอ ยิ่งนายผลักเขาก็ยิ่งต้าน นายไม่เข้าใจจริงๆ เหรอ”

“ทำไมฉันจะไม่เข้าใจ ฉันเข้าใจดีว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ว่าฉันทำอะไรไม่ได้ สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันมีความสุขในตอนนี้ก็คือการได้เห็นเขา แต่บังเอิญว่าในทางกลับกันเขาจะมีความสุขก็ต่อเมื่อไม่เห็นฉัน” ลั่วอี้หัวเราะเยาะตัวเอง เขายกแก้วขึ้นแล้วเขย่ามันเบาๆ ดวงตาล้ำลึกจนมองไม่เห็นเบื้องล่าง “แน่นอนฉันหวังว่าเขาจะมีความสุข แต่ถ้าจะให้ฉันปล่อยเขาไปในขณะที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็ฉันทำไม่ได้” เขายกแก้วดื่มรวดเดียวจนหมด

เฉาไห่มองลั่วอี้ มองดูเด็กหนุ่มที่ทั้งฉลาดและงดงามคนนี้ แววตาของอีกฝ่ายเปี่ยมไปด้วยความบ้าคลั่งและหวาดระแวง เดิมทีลั่วอี้ควรจะมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบแต่กลับมาเกิดในครอบครัวเช่นนี้ นับว่าเป็นความน่าเสียใจที่สุดของโลกใบนี้ มันเทียบได้กับผลไม้ที่วิจิตรงดงาม ทว่าข้างในกลับเน่าเฟะแล้ว

 

หลังจากเวินเสี่ยวฮุยขึ้นไปที่ชั้นบนเขาก็หอบหายใจอย่างแรงอยู่หลายทีจึงจะสามารถสงบหัวใจที่เต้นระรัวได้ เขาแง้มประตูห้องนอนไว้เพื่อให้ได้ยินเสียงเวลาที่ลั่วอี้ขึ้นมาชั้นบน จากนั้นเขาก็เริ่มค้นหาทั่วห้อง

เขาเคยอาศัยอยู่ในห้องนี้มาหลายปีจึงคุ้นเคยยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เขาไล่ค้นหาไปตามจุดที่เหมาะแก่การเก็บของ

ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้า เขาตื่นตระหนก รีบวางทุกอย่างกลับที่เดิม ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าคอมพิวเตอร์แล้วเปิดภาพยนตร์ที่เขาเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ขึ้นมาดู

ลั่วอี้ขึ้นมาชั้นบนแล้ว เขาค้ำโต๊ะคอมพิวเตอร์จากทางด้านหลังของเวินเสี่ยวฮุยพร้อมด้วยกลิ่นเหล้าจางๆ น้ำเสียงที่เจือปนรอยยิ้มของเขานั้นช่างอบอุ่นใจเหลือเกิน

“ดูอะไรอยู่น่ะ”

“นายเป็นคนดาวน์โหลดหนังเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ”

“ผมดาวน์โหลดให้พี่น่ะ พี่ชอบดูหนังแอ็กชั่นไม่ใช่เหรอ” ลั่วอี้ก้มลงดมผมหอมสดชื่นของเขา ก่อนจะพูดพร้อมกับยิ้มน้อยๆ “แน่นอนผมรู้ว่าพี่ชอบหนังแอ็กชั่นอีกแบบมากกว่า”

เวินเสี่ยวฮุยกดหยุดภาพยนตร์เรื่องนั้นแล้วหันมาพูด “ฉันอยากคุยกับนาย…อือ…”

ลั่วอี้ฉวยโอกาสจูบริมฝีปากของเขาอย่างอ่อนโยนและดูดดื่ม

หัวใจของเวินเสี่ยวฮุยรู้สึกสั่นเล็กน้อย เขาค่อยๆ จับที่เท้าแขนของเก้าอี้เอาไว้

หลังจากลั่วอี้จูบเสร็จก็เลียริมฝีปากอย่างพึงพอใจ ก่อนจะลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งลง “พี่ว่ามาเถอะ”

“ตอนนี้สถานการณ์ของจวี้ซิงเป็นยังไงบ้าง ตั้งแต่ฉันกลับมาก็ไม่ได้ติดต่อกับคนที่นั่นเลย”

“ผมติดต่อกับฝ่ายบริหารของจวี้ซิงมาโดยตลอด ตอนนี้จวี้ซิงพัฒนาไปมาก แต่กำลังใจของหลิวซิงเริ่มถดถอย เขาหย่าแล้ว แถมยังมีลูกสองคน จะต้องมีคนช่วยเขา ถ้าพี่กลับไปตอนนี้ล่ะก็อะไรๆ ก็คุยง่ายมาก”

เวินเสี่ยวฮุยพูด “แต่ตอนนี้ฉันอยากเปิดสตูดิโอของตัวเอง ฉันคิดจะย้ายคนจากเผิงเฉิงมาที่นี่”

“พี่ไม่อยากกลับจวี้ซิงเหรอ”

เวินเสี่ยวฮุยส่ายหน้า “ฉันชอบจวี้ซิงมาก แต่ฉันอยากมีอิสระมากกว่านี้”

ลั่วอี้ยิ้ม “ไม่ว่าพี่จะทำอะไรผมก็จะสนับสนุนพี่ พี่อยากเปิดสตูดิโอที่ไหนเหรอ พี่บอกทำเลกับความต้องการทั่วไปมาได้เลย ผมจะช่วยพี่เตรียมเรื่องอื่นเอง”

“ตอนนี้จวี้ซิงมีสามสาขาในปักกิ่ง ฉันจะพยายามหลีกเลี่ยงพวกเขา แล้วก็อยากได้ที่ที่อยู่ใกล้ๆ ห้องหน่อยล่ะมั้ง”

“งั้นย่านธุรกิจ XX ดีไหม ร้านของหลัวรุ่ยก็อยู่ไม่ไกลด้วย”

“โอเค”

ลั่วอี้ยิ้มพลางหยิกแก้มของเขา “ได้ทำอะไรให้พี่ ผมดีใจมากจริงๆ”

เวินเสี่ยวฮุยก้มหน้า

“คืนนี้อยากกินอะไร ออกไปกินข้างนอกไหม”

“อยู่บ้านดีกว่า”

“ไม่มีปัญหา”

ลั่วอี้หมุนตัวจะลงไปชั้นล่าง ทันใดนั้นเวินเสี่ยวฮุยก็เรียกเขา “ลั่วอี้ คดีของฉางสิงไปถึงไหนแล้ว”

ลั่วอี้ชะงักงันก่อนหมุนตัวกลับมา “ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ทำไมเหรอ”

“เขาจะถูกลงโทษจริงๆ ใช่ไหม”

ลั่วอี้พยักหน้า “ปัญหาอยู่ที่ระยะเวลาเท่านั้น”

“กี่ปี”

“อาจจะไม่ได้ออกมาทั้งชีวิต หรือแค่ไม่กี่ปีก็ปล่อยตัว”

“พอเขาออกมาแล้ว นายไม่กลัวว่าเขาจะแก้แค้นเหรอ”

ลั่วอี้กล่าวอย่างมืดมน “ตราบใดที่เขาเข้าไปแล้ว ผมจะถอนรากถอนโคนอำนาจของเขา ถึงเขาจะออกมาได้ในสักวันหนึ่งก็ไม่เหลืออะไรแล้ว”

เวินเสี่ยวฮุยไตร่ตรองครู่หนึ่ง “พวกนายเป็นพ่อลูกกัน ต้องทำถึงขั้นนี้เลยเหรอ”

“นับตั้งแต่เขาบีบให้แม่ตาย ผมก็เริ่มคิดวางแผนแก้แค้นแล้ว ตอนนี้พวกเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกต่อไป ตอนนี้ถ้าเขาไม่ลงนรกก็ต้องเป็นผมที่ลงนรก ผมจะไม่มีวันปล่อยเขาไปเด็ดขาด ซึ่งเขาก็จะไม่ปล่อยผมเหมือนกัน” ลั่วอี้มองเวินเสี่ยวฮุยอย่างลึกซึ้ง “ยิ่งไปกว่านั้นเป็นเพราะเขา ผมถึงได้สูญเสียแม้กระทั่งพี่ ผมไม่สามารถปล่อยให้ทุกอย่างที่ผมทำมากลายเป็นอากาศได้”

เวินเสี่ยวฮุยหรี่ตาลง “สิ่งที่นายทำกับฉันเป็นสิ่งที่นายเลือกเอง อย่าโทษคนอื่นเรื่องนี้เลย”

ลั่วอี้หัวเราะน้อยๆ “ทำไมจู่ๆ ถึงถามเรื่องฉางสิงขึ้นมาล่ะ”

“ยิ่งเขาถูกลงโทษเร็วเท่าไร ฉันก็ยิ่งสบายใจเท่านั้น เขามีอำนาจมาก ฉันเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของแม่ฉัน”

“อีกสักพักคุณป้าก็จะกลับอเมริกาแล้วสินะ”

“อืม ฉันจะให้เธอกลับไปเร็วหน่อย”

“กลับไปเร็วหน่อยก็ดี จะให้ผมจัดการให้ไหม”

“ไม่ต้องหรอก”

“ผมจะไปทำอาหารแล้ว” ลั่วอี้เดินไปได้สองก้าวก็หันมาพูด “พี่เสี่ยวฮุย พี่เป็นห่วงคุณป้ากับหลัวรุ่ยมาก ถ้าวันหนึ่งผมหายไป พี่จะเป็นห่วงหรือเปล่า”

เวินเสี่ยวฮุยขมวดคิ้ว “นายคิดจะพูดอะไร”

ลั่วอี้ยิ้มแล้วเอ่ย “ผมก็แค่สงสัย ถึงยังไงพวกเราก็รู้จักกันมาเกือบจะห้าปีแล้ว ต่อให้พี่เกลียดผม ต่อให้ไม่มีสักวันที่พี่ไม่อยากไปจากผม แต่ถ้าผมไม่อยู่จริงๆ พี่จะเสียใจหรือเปล่า”

สัญชาตญาณของเวินเสี่ยวฮุยไม่ต้องการที่จะคิดเรื่องนี้

ลั่วอี้แข็งแกร่งมาก ไหนจะฉลาด ยังเด็ก มีอำนาจ มีพลัง ทั้งยังมีจิตใจที่โหดเหี้ยม ดูเหมือนว่าไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่สามารถล้มคนคนนี้ได้ ฉะนั้นเขาจึงไม่เคยคิดมาก่อนว่าสักวันหนึ่งลั่วอี้อาจจะหายตัวไป เขาไม่รู้ว่าลั่วอี้มีเป้าหมายอะไรในการตั้งคำถามแบบนี้ เรียกร้องความเห็นใจอย่างนั้นเหรอ แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรเขาก็ไม่อยากคิดแม้แต่นิดเดียว เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าโลกที่ไม่มีลั่วอี้จะเป็นอย่างไร สุดท้ายแล้วคนคนนี้ก็ได้สลักร่องรอยที่เหมือนกับรอยร้าวเอาไว้ในใจของเขาแล้ว เวินเสี่ยวฮุยจึงเบือนหน้าหนี

“ฉันจะดูหนัง”

ลั่วอี้มองแผ่นหลังของเวินเสี่ยวฮุยพร้อมกับยิ้มน้อยๆ

หลังจากลั่วอี้ลงมาจากชั้นบนแล้ว เวินเสี่ยวฮุยก็รีบกดหยุดภาพยนตร์ทันทีและรีบหาสิ่งของที่บอดี้การ์ดพูดถึงต่อ

หน้าที่แล้ว1 of 3

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in Additional Heritage มรดกลวงรัก

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 124

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบสี่ เพราะเป็นภาคเรียนสุดท้ายนักเรียนปีสี่จะจบการศึกษาในฤดูร้อนของปีนี้ การเรียนการสอนในห้องเรียนแทบจ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 27-1

บทที่ 27-1 หวงปอรับใช้อยู่ข้างกายฮ่องเต้มานาน แม้จะเทียบไม่ได้กับพวกไป๋ตันหย่งที่ยืนอยู่ข้างกายซ้ายขวาของฮ่องเต้มาตั้งแต...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 125

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบห้า หลายวันก่อนตอนรอเขากลับมา ซูเสวี่ยจื้อเคยมโนภาพหลายครั้งมากว่าคนทั้งคู่จะพบหน้ากันแบบไหน แต่เธอค...

community.jamsai.com