ทดลองอ่าน They Both Die at the End บทที่ 3 – บทที่ 4 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน They Both Die at the End บทที่ 3 – บทที่ 4 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

รูฟัส

1:41 .

เราเคยปั่นจักรยานโลดแล่นไปตามท้องถนนราวกับกำลังปั่นแข่งกันโดยไม่คิดจะเบรก แต่จะทำแบบนั้นคืนนี้ไม่ได้ เรามองสองข้างทางอยู่ตลอดและหยุดเวลาไฟแดง เหมือนอย่างตอนนี้ ถึงแม้ว่าถนนจะไม่มีรถเลยก็ตาม เราอยู่ตรงช่วงถนนที่มีคลับซึ่งปลอดภัยสำหรับเดกเกอร์ ชื่อว่าสุสานของคลินต์ มีพวกคนอายุยี่สิบกว่าๆ รวมกลุ่มกันอยู่ตรงนั้น แถวที่พวกเขาต่อกันวุ่นวายสุดๆ น่าจะเป็นเพราะต้องพากันจ่ายเงินค่าเข้าให้คนเฝ้าหน้าร้านที่ต้องรับมือกับบรรดาเดกเกอร์และเพื่อนๆ ของพวกเขาที่พยายามจะปลดปล่อยบนฟลอร์เต้นรำเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเวลาจะหมดลง

ผู้หญิงผมน้ำตาลคนหนึ่งที่สวยมากๆ ร้องไห้โฮตอนผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาจีบเธอด้วยประโยคจีบสาวห่วยๆ (‘บางทีเธออาจอยู่ได้อีกวันถ้ากินวิตามินของฉันเข้าไปในร่างกาย’) เพื่อนของเธอเหวี่ยงกระเป๋าถือใส่เขาจนเขายอมถอยไป เธอน่าสงสารจริงๆ ที่หนีไม่พ้นพวกระยำที่เข้ามาจีบตอนเธอกำลังเศร้าอยู่

พอไฟเขียว เราก็ปั่นจักรยานไปต่อ แล้วในที่สุดก็ถึงพลูโตในหลายนาทีต่อมา บ้านอุปถัมภ์หลังนี้เป็นดูเพล็กซ์ ยกสูงที่มีสภาพเป็นตึกเก่าโทรม อิฐบางส่วนหายไป มีงานกราฟิตี้หลากสีที่ดูไม่ออกว่าเป็นรูปอะไร หน้าต่างชั้นล่างติดลูกกรงไว้ ไม่ใช่เพราะเราเป็นอาชญากรหรืออะไรหรอก แต่เพื่อไม่ให้ใครบุกเข้ามาขโมยของของเด็กกลุ่มหนึ่งที่สูญเสียไปมากพอแล้ว เราจอดจักรยานทิ้งไว้ที่ปลายบันได ก่อนจะวิ่งขึ้นไปที่ประตูแล้วเข้าไปข้างใน เราเดินไปตามโถงโดยไม่คิดจะย่องบนพื้นกระเบื้องลายตารางหมากรุกสภาพแย่เข้าไปในห้องนั่งเล่น และถึงแม้ว่าจะมีบอร์ดที่บอกข้อมูลเกี่ยวกับเซ็กซ์ การตรวจหาเชื้อเอชไอวี (HIV) คลินิกบุตรบุญธรรมกับคลินิกทำแท้ง และประกาศอื่นๆ เกี่ยวกับอะไรทำนองนั้น ที่นี่ก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนบ้าน ไม่ใช่สถาบันอะไรสักอย่าง

ที่นี่มีเตาผิงที่ใช้งานไม่ได้แต่ก็ยังดูเจ๋งอยู่ดี ผนังทาสีส้มโทนอบอุ่นเตรียมผมให้พร้อมสำหรับฤดูใบไม้ร่วงในหน้าร้อนนี้ มีโต๊ะไม้โอ๊กที่พวกเราชอบมานั่งรวมกันแล้วเล่นเกมการ์ดต้านมนุษยชาติ กับเกมคำต้องห้าม ในคืนกลางสัปดาห์หลังอาหารเย็น มีทีวีที่ผมชอบดูรายการเรียลลิตี้ฮิปสเตอร์เฮ้าส์กับทาโก ถึงเอมี่จะเกลียดฮิปสเตอร์พวกนั้นมากจนเธอหวังว่าผมจะดูหนังโป๊การ์ตูนแทนก็เถอะ แล้วก็มีโซฟาที่เราผลัดกันมานอนงีบเพราะมันสบายกว่าเตียงของเรา

เราขึ้นไปชั้นสองที่เป็นห้องนอนของเรา เป็นที่แคบๆ ที่อยู่คนเดียวยังไม่สบายด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่สามคนเลย แต่เราก็อยู่กันได้ มีหน้าต่างหนึ่งบานที่เราเปิดทิ้งไว้ในคืนที่ทาโกกินถั่ว ถึงแม้ข้างนอกจะเสียงดังมากก็ตาม

“ขอพูดหน่อยเถอะ” ทาโกว่าและปิดประตูตามหลังเรา “นายมาไกลมากแล้วนะ ลองนึกถึงทุกอย่างที่นายทำไปตั้งแต่มาที่นี่สิ”

“ยังมีอะไรอีกมากที่ฉันทำได้” ผมนั่งลงบนเตียงแล้วหงายลงนอนบนหมอน “กดดันฉิบเป๋งที่ต้องใช้ชีวิตทั้งหมดในวันเดียว” อาจไม่ถึงหนึ่งวันเต็มด้วยซ้ำ แค่อยู่ถึงสิบสองชั่วโมงได้นี่ก็ถือว่าโชคดีแล้ว

“ไม่มีใครคาดหวังให้นายรักษามะเร็งหรือช่วยชีวิตแพนด้าที่ใกล้สูญพันธุ์ได้หรอกนะ” มัลคอล์มพูด

“โย่ เดธแคสต์โชคดีนะที่พวกเขาทำนายไม่ได้ว่าสัตว์จะตายเมื่อไหร่” ทาโกบอก ผมทำเสียงขัดใจและส่ายหน้าเพราะเขากำลังปกป้องแพนด้าในขณะที่เพื่อนสนิทตัวเองกำลังจะตาย “อะไร ก็มันจริงนี่! นายจะกลายเป็นคนที่ถูกเกลียดมากที่สุดในดาวเคราะห์ดวงนี้ถ้านายเป็นคนโทรแจ้งแพนด้าตัวสุดท้าย ลองนึกถึงพวกมีเดียสิ คนจะพากันโพสต์เซลฟี่และ…”

“เข้าใจแล้ว” ผมขัด ผมไม่ใช่แพนด้าไง มีเดียเลยไม่สนที่ผมตาย “พวกนายต้องช่วยอะไรฉันหน่อย ปลุกเจนน์ ลอรี่กับฟรานซิสให้ที บอกพวกเขาว่าฉันอยากจัดงานศพก่อนไปจากที่นี่” ฟรานซิสไม่เคยชอบผม แต่ผมมีบ้านอยู่จากการจัดการพวกนี้ และนั่นถือว่ามากกว่าที่คนอื่นได้รับแล้ว

“นายควรอยู่นี่นะ” มัลคอล์มบอก เขาเปิดตู้เสื้อผ้าตู้เดียวในห้อง “เราอาจผ่านมันไปได้ นายจะเป็นข้อยกเว้น! เราจะขังนายไว้ในนี้”

“ฉันจะได้ขาดใจตายหรือไม่ชั้นวางเสื้อที่หนักฉิบหายของพวกนายพังใส่หัวเอาน่ะสิ” เขาควรรู้ดีเกินกว่าที่จะเชื่อเรื่องข้อยกเว้นหรือเรื่องไร้สาระแบบนั้น ผมลุกขึ้นนั่ง “ฉันมีเวลาไม่มาก พวก” ตัวผมสั่นนิดหน่อย แต่ยังควบคุมสติได้ จะให้พวกเขาเห็นผมสติแตกไม่ได้เด็ดขาด

ทาโกกระตุก “นายอยู่คนเดียวโอเคใช่ไหม”

ต้องใช้เวลาอยู่หลายวินาทีกว่าผมจะเข้าใจสิ่งที่เขาตั้งใจจะถาม “ฉันไม่ฆ่าตัวตายหรอกน่า” ผมบอก

ผมไม่ได้พยายามจะตาย

พวกเขาปล่อยผมไว้คนเดียวในห้องกับกองเสื้อผ้าที่ผมไม่ต้องกังวลเรื่องขนไปซักและการบ้านหลักสูตรภาคฤดูร้อนที่ผมไม่ต้องทำให้เสร็จ…หรือเริ่มทำ ผ้าห่มของเอมี่ม้วนเป็นก้อนอยู่ตรงมุมเตียง ผืนสีเหลืองลายนกกระเรียนหลากสี ผมหยิบมันขึ้นมาคลุมไหล่ตัวเอง มันเป็นของเอมี่ตั้งแต่ตอนที่เธอยังเด็ก เป็นของสืบทอดตั้งแต่ช่วงวัยเด็กของแม่เธอ เราเริ่มคบกันตอนเอมี่ยังอยู่ที่พลูโต เราชอบนอนใต้ผ้าห่มผืนนี้ด้วยกันและใช้มันตอนปิกนิกในห้องนั่งเล่นที่จัดขึ้นเป็นบางครั้งบางคราว ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายสุดๆ เธอไม่ได้ขอผ้าห่มคืนหลังเราเลิกกัน ผมคิดว่าเธอทำแบบนั้นเพื่อรั้งผมให้อยู่ใกล้ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะต้องการระยะห่างระหว่างเราก็ตาม เหมือนผมยังมีโอกาสคืนดีกับเธออยู่

ห้องนี้ต่างจากห้องที่ผมโตขึ้นมาลิบลับ…ผนังสีเบจ ไม่ใช่สีเขียว มีเตียงเสริมสองเตียง มีเพื่อนร่วมห้อง ขนาดเล็กกว่าครึ่งหนึ่ง ไม่มีดัมเบลล์หรือโปสเตอร์วิดีโอเกม…แต่ห้องนี้ก็ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านอยู่ดี และมันแสดงให้ผมเห็นว่าผู้คนสำคัญกว่าสิ่งของ มัลคอล์มได้รับบทเรียนนั้นหลังจากพนักงานดับเพลิงดับไฟที่เผาบ้าน พ่อแม่ และของรักของเขา

เราอยู่กันง่ายๆ สบายๆ ที่นี่

หลังเตียงผมมีรูปปักหมุดติดกับผนัง เอมี่พริ้นต์ทุกรูปจากอินสตาแกรมของผม รูปอัลเธียพาร์ก ที่ที่ผมชอบไปเพื่อใช้ความคิด รูปเสื้อเชิ้ตสีขาวชุ่มเหงื่อห้อยจากแฮนด์จักรยานของผม ถ่ายขึ้นหลังจากผมแข่งมาราธอนเป็นครั้งแรกเมื่อหน้าร้อนปีที่แล้ว รูปเครื่องเสียงสเตอริโอที่ถูกทิ้งไว้บนถนนคริสโตเฟอร์ มันเล่นเพลงที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนและไม่เคยได้ยินอีก รูปทาโกเลือดกำเดาไหล ตอนนั้นเราพยายามคิดวิธีเชกแฮนด์สำหรับชาวพลูโต แต่ทุกอย่างพังหมดเพราะการโหม่งหัวใส่กันโง่ๆ รูปรองเท้าผ้าใบสองข้าง ข้างหนึ่งไซส์สิบเอ็ด ข้างหนึ่งไซส์เก้า ตอนนั้นผมซื้อรองเท้าคู่ใหม่แต่ดันไม่เช็กให้ดีว่ามันเข้าคู่กันไหมก่อนออกจากร้าน รูปผมกับเอมี่ ตาของผมขนาดไม่เท่ากันเหมือนเวลาที่ผมเมา ซึ่งตอนนั้นผม (ยัง) ไม่เมา แต่รูปนี้ควรค่าแก่การเก็บไว้เพราะแสงจากไฟถนนส่องหน้าเอมี่เป็นประกาย รูปรอยเท้าบนโคลนจากตอนที่ผมไล่จับเอมี่ไปทั่วสวนสาธารณะหลังฝนตกยาวหนึ่งสัปดาห์หยุดลง รูปเงาสองเงานั่งข้างกัน มัลคอล์มไม่ได้อยากมีส่วนร่วมด้วยเลย แต่ผมก็ถ่ายไว้อยู่ดี และอีกหลายรูปที่ผมจะทิ้งไว้ให้เพื่อนๆ ของผมหลังเดินออกไปจากที่นี่

เดินออกไปจากที่นี่…

ผมไม่อยากไปเลย

 

มาเทโอ

1:52 .

ผมใกล้จะพร้อมออกไปข้างนอกแล้ว

ผมล้างจาน กวาดฝุ่นกับห่อลูกกวาดออกจากใต้โซฟา ถูพื้นห้องนั่งเล่น เช็ดคราบยาสีฟันบนซิงก์ในห้องน้ำจนสะอาดหมดจด แถมยังจัดที่นอนของตัวเองด้วย ผมกลับมานั่งหน้าแล็ปท็อปและเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่า ซึ่งก็คือการคิดคำจารึกบนป้ายหลุมศพให้ได้ไม่เกินสิบสองคำ ให้ทำเรียงความก่อนเรียนยังดีซะกว่า ผมจะสรุปชีวิตตัวเองในสิบสองคำได้ยังไง

ตายรอดที่เดียวกัน : ในห้องนอนเขาเอง

ช่างเป็นชีวิตที่น่าเสียดาย

เด็กยังกล้าเสี่ยงมากกว่าเขาอีก

ผมต้องทำให้ดีกว่านี้ ทุกคนต่างหวังอะไรจากตัวผมมากกว่านี้ ตัวผมเองก็ด้วย ผมต้องให้เกียรติสิ่งนี้ มันเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้ทำแบบนั้น

นี่คือมาเทโอ เขาใช้ชีวิตเผื่อทุกคน

ผมกด ส่ง

ถอยไม่ได้แล้ว ใช่ ผมแก้ไขคำจารึกได้ แต่คำสัญญาไม่ได้ทำงานแบบนั้น และการใช้ชีวิตเผื่อทุกคนคือคำสัญญาที่ผมให้ไว้กับโลกใบนี้

ผมรู้ว่าตอนนี้ยังถือว่าเร็วอยู่สำหรับวันนี้ แต่อกผมบีบรัดเพราะตอนนี้ก็ถือว่าสายแล้วเหมือนกัน อย่างน้อยก็สำหรับเดกเกอร์ ผมทำคนเดียวไม่ได้ การไปจากที่นี่น่ะ ผมจะไม่ลากลิเดียให้มาอยู่กับผมในวันสุดท้ายหรอก ตอน (ไม่ใช่ถ้า) ผมออกไปจากที่นี่ ผมจะไปหาลิเดียกับเพนนี แต่ผมจะไม่บอกลิเดียเรื่องนี้ ผมไม่อยากให้เธอมองว่าผมตายไปแล้วก่อนที่ผมจะตายจริงๆ หรือทำให้เธอเศร้า บางทีผมอาจส่งโปสการ์ดที่อธิบายทุกอย่างให้เธอในขณะที่ผมใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก

สิ่งที่ผมต้องการตอนนี้คือโค้ชที่เป็นเพื่อนกับผมได้ด้วย หรือเพื่อนที่เป็นโค้ชให้ผมได้ และนั่นคือสิ่งที่แอพฯ ที่ได้รับความนิยมที่โปรโมตบ่อยๆ ในเคาต์ดาวน์เนอร์สช่วยจัดหาให้

แอพฯ เพื่อนคนสุดท้ายถูกออกแบบมาเพื่อเดกเกอร์ไร้เพื่อนกับคนดีๆ ที่อยากอยู่เป็นเพื่อนเดกเกอร์ในช่วงเวลาสุดท้ายของพวกเขา อย่าสับสนกับแอพฯ เนโครนะ อันนั้นเอาไว้ให้ใครก็ได้ที่อยากมีความสัมพันธ์ข้ามคืนกับเดกเกอร์…เป็นแอพฯ รักสนุกไม่ผูกพันขั้นสุด เนโครเป็นแอพฯ ที่กวนใจผมมาตลอด และไม่ใช่เพราะเซ็กซ์ทำให้ผมประหม่านะ ไม่ล่ะ แอพฯ เพื่อนคนสุดท้ายถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนรู้สึกมีค่าและได้รับความรักก่อนตาย ไม่มีค่าสมัครสมาชิก ไม่เหมือนเนโครที่คิดเงิน 7.99 ดอลลาร์ต่อวัน ซึ่งมันกวนใจผมเพราะผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าชีวิตคนเรามีค่ามากกว่าเงินแปดดอลล์

ไงก็เถอะ ความสัมพันธ์ที่เกิดจากแอพฯ เพื่อนคนสุดท้ายเป็นอะไรที่ถ้าไม่ได้ก็เสียเลย ไม่ต่างจากการเริ่มต้นมิตรภาพใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้นั่นแหละ ผมเคยติดตามฟีดหนึ่งในเคาต์ดาวน์เนอร์ส เดกเกอร์คนนี้ได้เจอกับเพื่อนคนสุดท้ายแล้วนานๆ ถึงจะอัพเดตฟีดสักที บางทีก็เป็นชั่วโมงๆ จนถึงขั้นคนดูในห้องแชตนึกว่าเธอตายแล้ว แต่ความจริงเธอยังมีชีวิตอยู่ เธอแค่กำลังใช้ชีวิตในวันสุดท้ายในอย่างที่มันควรจะเป็น หลังจากที่เธอตาย เพื่อนคนสุดท้ายของเธอเขียนคำไว้อาลัยสั้นๆ ที่ทำให้ผมรู้จักผู้หญิงคนนี้มากกว่าที่โพสต์อื่นๆ ของเธอทำได้ซะอีก แต่มันไม่ได้จับใจแบบนั้นตลอดหรอก เมื่อไม่กี่เดือนก่อน เดกเกอร์ที่มีชีวิตแสนเศร้าคนหนึ่งเป็นเพื่อนกับฆาตกรต่อเนื่องชื่อกระฉ่อนของแอพฯ เพื่อนคนสุดท้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เรื่องมันเศร้าเกินกว่าจะอ่านต่อ และมันเป็นหนึ่งในหลายๆ เหตุผลที่ผมต้องดิ้นรนพยายามที่จะเชื่อใจโลกใบนี้

ผมคิดว่าการมีเพื่อนคนสุดท้ายน่าจะช่วยอะไรผมได้บ้าง แต่ก็นะ ผมไม่รู้ว่าอะไรน่าเศร้ากว่ากันระหว่างตายคนเดียวกับตายกับใครบางคนที่นอกจากจะไม่ได้มีความหมายอะไรเลยกับคุณแล้ว ยังไม่น่าจะแคร์อะไรคุณมากด้วย

เวลากำลังหมดไปเรื่อยๆ

ผมต้องลองและต้องค้นหาความกล้าที่เดกเกอร์เป็นร้อยเป็นพันก่อนหน้าผมเคยหาเจอให้ได้ ผมเช็กเงินในบัญชีของผมในเน็ต เงินที่เหลือจากทุนมหา’ลัยถูกโอนเข้ามาในบัญชีของผมโดยอัตโนมัติ มีแค่ประมาณสองพันดอลลาร์ แต่แค่นั้นก็เกินพอแล้วที่จะใช้ในวันนี้ ผมไปอารีน่าท่องโลกในดาวน์ทาวน์ได้ มันเป็นที่สำหรับให้เดกเกอร์กับผู้มาเยี่ยมชมได้สัมผัสวัฒนธรรมกับสภาพแวดล้อมของประเทศอื่นๆ และเมืองต่างๆ

ผมดาวน์โหลดแอพฯ เพื่อนคนสุดท้ายลงในมือถือ เป็นการดาวน์โหลดที่เร็วที่สุดที่เคยเจอ เหมือนมันเป็นสิ่งมีชีวิตมีประสาทสัมผัสที่เข้าใจจุดประสงค์ของการมีอยู่ของตัวมันเอง คือมันรู้ว่าเวลาของใครคนหนึ่งกำลังจะหมดลง อินเตอร์เฟซของแอพฯ นี้เป็นสีฟ้ากับภาพเคลื่อนไหวของนาฬิกาสีเทาพร้อมเงาสองเงาเคลื่อนมาแปะมือกัน คำว่า เพื่อนคนสุดท้าย พุ่งมาตรงกลางแล้วเมนูก็เลื่อนลงมา

 

ตายวันนี้

ไม่ได้ตายวันนี้

 

ผมเลือก ตายวันนี้ แล้วข้อความก็เด้งขึ้นมา

 

พวกเราบริษัทเพื่อนคนสุดท้าย ขอร่วมกันแสดงความเสียใจต่อการจากไปของคุณ และขอแสดงความเห็นใจอย่างลึกซึ้งต่อคนที่รักคุณและคนที่จะไม่มีวันได้พบคุณ พวกเราหวังว่าวันนี้คุณจะได้พบเพื่อนใหม่คนสำคัญที่จะใช้เวลาร่วมกับคุณในช่วงเวลาสุดท้าย กรุณากรอกประวัติเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

 

พวกเราเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ต้องเสียคุณไป

บริษัทเพื่อนคนสุดท้าย

 

ช่องประวัติโล่งๆ เด้งขึ้นมา ผมกรอกลงไป

 

ชื่อ : มาเทโอ ทอร์เรส

อายุ : 18

เพศ : ชาย

ส่วนสูง : 178 ซม.

น้ำหนัก : 74 กก.

เชื้อชาติ : เปอร์โตริโก

รสนิยมทางเพศ : <ข้าม>

อาชีพ : <ข้าม>

ความสนใจ : ดนตรี เตร็ดเตร่

หนังเรื่องโปรด/รายการทีวีโปรด/หนังสือเล่มโปรด : ทิมเบอร์วูล์ฟส์ โดยกาเบรียล รีดส์/ “เพลดอิสเดอะนิวแบล็ก”/ เดอะสกอร์เปียสฮอว์ธอร์นซีรี่ส์

ชีวิตของคุณ : ผมเป็นลูกคนเดียวและมีแค่พ่อมาตลอด แต่พ่อผมอยู่ในอาการโคม่ามาสองอาทิตย์แล้วและน่าจะตื่นหลังผมจากไป ผมอยากทำให้พ่อภูมิใจและกล้าทำอะไรใหม่ๆ ผมจะเป็นเด็กที่เอาแต่เลี่ยงการเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ ต่อไปไม่ได้เพราะสิ่งเดียวที่มันทำคือรั้งไม่ให้ผมออกไปอยู่ข้างนอกนั่นกับพวกคุณ…ไม่งั้นผมอาจได้เจอพวกคุณเร็วกว่านี้

รายการสิ่งที่อยากทำก่อนตาย : ผมอยากไปโรงพยาบาลเพื่อบอกลาพ่อต่อด้วยเพื่อนสนิทของผม แต่ผมไม่อยากบอกเธอว่าผมกำลังจะตาย หลังจากนั้นก็ไม่รู้แล้ว ผมอยากสร้างความเปลี่ยนแปลงให้คนอื่นและค้นหามาเทโอที่ต่างไปจากเดิมในตอนที่ยังทำได้อยู่

คำพูดทิ้งท้าย : ผมเอาจริงนะ

 

ผมส่งคำตอบ แล้วแอพฯ ก็ให้ผมใส่รูปภาพ ผมเลื่อนดูอัลบั้มในมือถือ มีรูปเพนนีอยู่หลายรูปกับภาพถ่ายหน้าจอของเพลงที่ผมจะแนะนำให้ลิเดียฟัง มีรูปอื่นๆ ที่เป็นรูปผมกับพ่อในห้องนั่งเล่น มีรูปถ่ายเกรดสิบเอ็ดของผมที่ดูไม่ได้เลย ผมเจอรูปหนึ่งที่ผมถ่ายตัวเองใส่หมวกลุยจิที่ผมชนะรางวัลเมื่อเดือนมิถุนาจากการเข้าร่วมการแข่งขันเกมมาริโอคาร์ตออนไลน์ ความจริงผมต้องส่งรูปตัวเองให้ผู้จัดการแข่งขันให้เขาเอาไปลงในเว็บไซต์ แต่ผมไม่คิดว่าเด็กหนุ่มใส่หมวกลุยจิทำตัวบ้าๆ บอๆ ดูเป็นตัวเองสักเท่าไหร่ ผมเลยไม่ได้ส่งรูปไป

แต่ผมคิดผิด ทำไมน่ะเหรอ นั่นน่ะคือคนที่ผมอยากเป็นมาตลอด…สบายๆ สนุกสนาน ไร้กังวล จะไม่มีใครดูรูปนี้แล้วคิดว่ามันดูไม่ใช่ตัวผมเพราะไม่มีพวกเขาคนไหนรู้จักผมเลย พวกเขาจะแค่คาดหวังให้ผมเป็นคนที่ผมพรีเซนต์ให้พวกเขาเห็นในโพรไฟล์

ผมอัพโหลดรูป แล้วข้อความสุดท้ายก็เด้งขึ้นมา ดูแลตัวเองด้วย มาเทโอ

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com