ทดลองอ่าน They Both Die at the End บทที่ 1 – บทที่ 2 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน They Both Die at the End บทที่ 1 – บทที่ 2 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

PART ONE

เดธแคสต์

 

น้อยนักที่คนเราจะใช้ชีวิต

คนส่วนใหญ่แค่มีตัวตนอยู่เท่านั้นเอง

ออสการ์ ไวลด์

 

5 กันยายน 2017

มาเทโอ ทอร์เรส

0:22 .

เดธแคสต์โทรหาผมพร้อมคำเตือนแห่งชีวิต…วันนี้ผมจะตาย ช่างเถอะ ใช้คำว่า ‘คำเตือน’ ก็ดูจะเกินไปหน่อย เพราะคำเตือนสื่อว่าเราสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นได้ เหมือนเวลารถบีบแตรใส่คนที่กำลังข้ามถนนทั้งๆ ที่สัญญาณไฟยังไม่เปลี่ยน คนคนนั้นจะได้ถอยทัน แต่อันนี้ดูเป็นการแจ้งให้ทราบล่วงหน้ามากกว่า เสียงก๊องๆ เป็นเอกลักษณ์และไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนเสียงระฆังโบสถ์ที่อยู่ห่างไปหนึ่งช่วงตึกดังกระหึ่มจากมือถือผมที่วางอยู่อีกฟากของห้อง ผมสติแตกไปแล้ว ความคิดสารพัดนับร้อยอย่างกลืนทุกสิ่งรอบตัวผมไป ผมมั่นใจเลยว่าคนที่ดิ่งพสุธาเป็นครั้งแรกต้องรู้สึกว้าวุ่นแบบนี้เหมือนกันแน่ๆ ตอนปล่อยตัวลงจากเครื่องบิน นักเปียโนที่ต้องขึ้นแสดงเป็นครั้งแรกก็เหมือนกัน…ไม่ใช่ว่าผมรู้จริงๆ หรอกว่าพวกเขารู้สึกยังไง

บ้าเนอะ เมื่อนาทีที่แล้วผมกำลังอ่านบล็อกที่อัพเมื่อวานในเว็บไซต์เคาต์ดาวน์เนอร์สอยู่เลย มันคือเว็บที่ให้เหล่าเดกเกอร์โพสต์ช่วงเวลาสุดท้ายของตัวเองด้วยการอัพสถานะหรือลงรูปให้ดูแบบเรียลไทม์ ผมกำลังดูโพสต์ของเด็กมหา’ลัยปีสามคนหนึ่งที่พยายามหาบ้านให้หมาโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ของเขา และตอนนี้ผมกำลังจะตาย

ผมกำลังจะ…ไม่…ใช่สิ ใช่แล้ว

อกผมบีบรัด วันนี้ผมจะตาย

ผมกลัวตายมาตลอด ไม่รู้ทำไมผมถึงคิดว่าการกลัวความตายจะเป็นเคล็ดช่วยให้ผมไม่ตาย ไม่ใช่ว่าผมจะอยู่ไปตลอดนะ แหงล่ะ แต่แค่นานพอให้ผมได้โตเป็นผู้ใหญ่ พ่อพูดฝังหัวผมมาตลอดว่าผมควรทำเหมือนตัวเองเป็นตัวละครหลักในเรื่องที่ไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นกับเขาเลย โดยเฉพาะความตาย เพราะฮีโร่ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อคอยช่วยเหลือผู้คน แต่ตอนนี้เสียงในหัวผมกลับเงียบลง แถมยังมีผู้แจ้งข่าวจากเดธแคสต์รออยู่ในสายเพื่อแจ้งว่าผมจะตายวันนี้ในวัยสิบแปดปี

ว้าว นี่ผมกำลังจะ…

ผมไม่อยากรับสายเลย อยากวิ่งเข้าไปในห้องนอนพ่อแล้วสบถใส่หมอนมากกว่าเพราะพ่อเลือกเวลาเข้าห้อง ไอ.ซี.ยู. ผิดไปหน่อย หรือไม่ก็ชกผนังเพราะผมถูกกำหนดให้ตายก่อนวัยอันควรตั้งแต่ตอนที่แม่เสียเพราะคลอดผมแล้ว มือถือผมน่าจะดังเป็นครั้งที่สิบสามแล้วล่ะ และผมคงเลี่ยงมันไม่ได้อีกอย่างที่ผมไม่อาจเลี่ยงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของวันนี้ไปได้

ผมดันแล็ปท็อปออกจากตักแล้วลุกขึ้น เซไปด้านข้างเล็กน้อย รู้สึกเหมือนจะเป็นลมจริงๆ ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะอย่างกับซอมบี้ เชื่องช้า เหมือนศพเดินได้

ชื่อผู้โทรขึ้นว่าเดธแคสต์ แหงล่ะ

ตัวผมสั่น แต่ก็กดรับสายจนได้ ผมไม่พูดอะไร ไม่แน่ใจน่ะว่าควรพูดอะไรออกไป เลยแค่หายใจเพราะผมจะหายใจได้อีกไม่ถึงสองหมื่นแปดพันครั้ง มันคือค่าเฉลี่ยการหายใจต่อวันของคนที่ยังไม่ตายน่ะ และผมควรใช้มันให้หมดในตอนที่ผมยังทำได้อยู่

“สวัสดีค่ะ ดิฉันโทรมาจากเดธแคสต์ ชื่อแอนเดรียนะคะ ฟังอยู่ใช่ไหมคะ คุณทิโมธี”

ทิโมธี

ผมไม่ได้ชื่อทิโมธี

“คุณโทรผิดแล้วครับ” ผมบอกแอนเดรีย ใจสงบลง แต่ผมเสียใจกับคนที่ชื่อทิโมธีนะ ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ “ผมชื่อมาเทโอ” ผมได้ชื่อนี้มาจากพ่อของผม และพ่อก็อยากให้ผมส่งต่อชื่อนี้ตอนผมมีลูกด้วย ตอนนี้ผมทำได้แล้ว ถ้าการมีลูกเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับผมน่ะนะ

เสียงเคาะแป้นพิมพ์ดังขึ้นจากปลายสาย เธอน่าจะกำลังแก้ไขบันทึกหรืออะไรสักอย่างในฐานข้อมูล “โอ้ ขอโทษด้วยนะคะ คุณทิโมธีคือบุรุษท่านหนึ่งที่ดิฉันเพิ่งวางสายไป เขารับข่าวได้ไม่ดีเท่าไหร่ น่าสงสารจริงๆ คุณคือมาเทโอ ทอร์เรสใช่ไหมคะ”

เท่านั้นแหละ ความหวังสุดท้ายของผมก็พังทลายลง

“คุณมาเทโอคะ กรุณายืนยันตัวตนของคุณด้วยค่ะ เกรงว่าคืนนี้ดิฉันยังมีอีกหลายสายที่ต้องติดต่อไป”

ผมจินตนาการมาตลอดว่าผู้แจ้งข่าว (เป็นชื่อเรียกทางการของพวกเขานะ ไม่ใช่ผมตั้งให้) ของผมจะดูเห็นอกเห็นใจและค่อยๆ บอกข่าวนี้กับผมอย่างปลอบประโลม หรืออาจจะบ่นว่ามันช่างน่าเศร้าเหลือเกินเพราะผมยังเด็กอยู่เลย เอาจริงๆ นะ ผมโอเคถ้าเธอจะมาแบบสดใส บอกให้ผมไปทำอะไรสนุกๆ และใช้เวลาของวันนี้ให้เต็มที่เพราะอย่างน้อยผมก็รู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะได้ไม่ต้องติดแหง็กอยู่ในบ้านแล้วเริ่มต่อจิ๊กซอว์หนึ่งพันชิ้นที่ไม่มีทางต่อเสร็จหรือไม่ก็ช่วยตัวเองเพราะผมกลัวการมีเซ็กซ์กับคนตัวเป็นๆ แต่ผู้แจ้งข่าวคนนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าผมควรหยุดทำเธอเสียเวลาได้แล้ว เพราะเธอมีเวลาเหลืออีกเยอะไง ไม่เหมือนผม

“โอเคครับ มาเทโอคือผมเอง ผมชื่อมาเทโอ”

“คุณมาเทโอ ดิฉันเสียใจที่ต้องแจ้งให้คุณทราบว่าภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อจากนี้ คุณจะเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร และถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถทำอะไรเพื่อหยุดมันได้ คุณก็ยังมีโอกาสที่จะใช้ชีวิตอยู่” ผู้แจ้งข่าวพูดต่อเรื่องที่ว่าชีวิตมันไม่ยุติธรรมเสมอไปหรอก แล้วก็ไล่ให้ผมฟังว่าวันนี้มีอีเวนต์อะไรบ้างที่ผมไปเข้าร่วมได้ ผมไม่ควรโกรธอะไรเธอนะ แต่เห็นได้ชัดเลยว่าเธอเบื่อที่ต้องมานั่งท่องคำที่เธอจำได้ขึ้นใจจากการพูดให้คนเป็นร้อยๆ หรืออาจจะเป็นพันๆ คนฟังว่าพวกเขากำลังจะตาย เธอไม่มีความเห็นอกเห็นใจให้ผมหรอก คงกำลังเติมเล็บหรือไม่ก็เล่นเกมเอ็กซ์โอแข่งกับตัวเองระหว่างที่คุยกับผมอยู่

ในเคาต์ดาวน์เนอร์ส เหล่าเดกเกอร์โพสต์ทุกอย่างตั้งแต่ตอนได้รับสายจากเดธแคสต์ไปจนถึงการใช้เวลาวันสุดท้ายของพวกเขา อารมณ์เหมือนทวิตเตอร์สำหรับเดกเกอร์นั่นแหละ ผมเคยอ่านฟีดที่เหล่าเดกเกอร์ยอมรับว่าตัวเองถามผู้แจ้งข่าวว่าพวกเขาจะตายยังไงเพียบเลย แต่ก็รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าเดธแคสต์ไม่ให้ข้อมูลพวกนั้นหรอก ไม่แม้แต่อดีตประธานาธิบดีเรย์โนลด์สที่พยายามหนีความตายโดยการซ่อนตัวอยู่ในหลุมหลบภัยใต้ดินเมื่อสี่ปีก่อน เขาถูกลอบสังหารโดยหนึ่งในหน่วยอารักขาของเขาเอง เดธแคสต์บอกได้แค่วันที่เราจะตาย แต่บอกเวลาที่มันจะเกิดขึ้นเป๊ะๆ หรือว่ามันจะเกิดขึ้นยังไงไม่ได้

“…คุณเข้าใจทุกอย่างแล้วใช่ไหมคะ”

“ครับ”

“ล็อกอินเข้าไปที่ death-cast.com แล้วกรอกข้อเรียกร้องพิเศษสำหรับงานศพของคุณรวมถึงคำจารึกที่อยากให้สลักลงบนป้ายหลุมศพด้วยนะคะ หรือถ้าคุณอยากทำพิธีฌาปนกิจ ในกรณีนี้…”

ผมเคยไปงานศพแค่ครั้งเดียว ยายผมเสียตอนผมเจ็ดขวบและผมสติแตกในงานเพราะยายไม่ยอมตื่น ถัดมาอีกห้าปี เดธแคสต์กำเนิดขึ้นมาและทำให้ทุกคนตื่นในงานศพของตัวเองได้เฉย การมีโอกาสได้บอกลาทุกคนก่อนตายถือเป็นโอกาสที่เยี่ยมมากก็จริง แต่คุณเอาเวลานั้นไปใช้ชีวิตจริงๆ ไม่ดีกว่าเหรอ ผมอาจรู้สึกต่างไปก็ได้ถ้าผมมั่นใจว่าจะมีคนมาร่วมงานศพจริงๆ หรือถ้าผมมีเพื่อนมากกว่าจำนวนนิ้วมือของผมน่ะนะ

“แล้วก็นะคะ คุณทิโมธี ดิฉันขอกล่าวแทนทุกคนในเดธแคสต์ว่าพวกเราเสียใจที่คุณต้องจากไป ใช้ชีวิตวันนี้ให้เต็มที่นะคะ ตกลงไหม”

“ผมชื่อมาเทโอ”

“ขอโทษด้วยค่ะ คุณมาเทโอ น่าอายจริงๆ วันนี้เป็นวันที่หนักมากแถมสายพวกนี้ก็ทำเอาเครียดเลย และ…”

ผมวางสาย ทำแบบนี้ไม่มีมารยาทเลย ผมรู้ๆ แต่ผมจะไม่ฟังใครบ่นว่าวันนี้มันหนักหนาสาหัสมากแค่ไหนสำหรับพวกเขาในขณะที่ผมอาจจะตายในอีกชั่วโมงข้างหน้าหรือไม่ก็ในอีกสิบนาทีหรอก ผมอาจสำลักยาอมแก้เจ็บคอตาย ผมอาจจะออกจากอพาร์ตเมนต์ไปหาอะไรทำคนเดียวแล้วพลาดตกบันไดคอหักตายก่อนจะได้ออกไปซะอีก หรืออาจจะมีใครบุกเข้ามาฆ่าผมก็ได้ อย่างเดียวที่ตัดออกไปได้ชัวร์ๆ เลยคือแก่ตาย

ผมทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น ทุกอย่างจะจบลงในวันนี้และผมทำอะไรเพื่อเปลี่ยนมันไม่ได้เลย ผมไม่สามารถเดินทางฝ่าดินแดนที่เต็มไปด้วยมังกรเพื่อนำคทาหยุดความตายกลับคืนมา ผมไม่สามารถกระโดดขึ้นพรมวิเศษไปตามหาจีนี่เพื่อขอพรให้ผมได้มีชีวิตที่สมบูรณ์ธรรมดา ผมอาจจะตามหานักวิทยาศาสตร์จิตวิปริตสักคนให้แช่แข็งผม แต่ผมคงตายระหว่างการทดลองพิลึกพิลั่นนั่นซะก่อน ความตายเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้และวันนี้มันจะเกิดขึ้นกับผมแน่นอน

ลิสต์รายชื่อคนที่ผมจะคิดถึงมันสั้นมากจนไม่น่าจะเรียกว่าเป็นลิสต์ได้ ถ้าคนตายสามารถคิดถึงได้ล่ะก็นะ ลิสต์ของผมมีพ่อ เพราะพ่อพยายามเต็มที่มาตลอด แล้วก็มีลิเดีย เพื่อนสนิทของผม เพราะนอกจากเธอจะไม่เมินผมในโถงทางเดินแล้ว เธอยังนั่งตรงข้ามผมช่วงพักกินข้าวกลางวัน จับคู่กับผมในวิชาธรณีศาสตร์ และคุยกับผมเรื่องที่เธออยากเป็นนักสิ่งแวดล้อมที่จะช่วยโลกเอาไว้และผมตอบแทนเธอได้ด้วยการอาศัยอยู่ในโลกใบนั้น หมดแล้ว

ถ้ามีใครสนใจอยากรู้ลิสต์รายชื่อคนที่ผมจะไม่คิดถึงล่ะก็ ผมไม่มีให้หรอก ไม่เคยมีใครทำตัวแย่ใส่ผม ผมเข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมบางคนถึงไม่พยายามคุยกับผม จริงๆ นะ ก็ผมน่ะเป็นพวกหวาดระแวงสุดๆ มีอยู่ไม่กี่ครั้งที่เพื่อนร่วมชั้นชวนผมไปทำอะไรสนุกๆ ด้วยกัน อย่างไปเล่นสเก็ตในสวนสาธารณะหรือขับรถเล่นกันกลางดึก แต่ผมถอนตัวทุกครั้งเพราะกลัวว่าเราอาจพาตัวเองไปตาย บางทีน่ะนะ ผมว่าสิ่งที่ผมจะคิดถึงที่สุดคงเป็นโอกาสทั้งหลายในการใช้ชีวิตที่ผมพลาดไปกับความสามารถในการหาเพื่อนดีๆ จากเพื่อนร่วมชั้นที่ผมเสียไป ผมจะคิดถึงการที่พวกเราไม่มีโอกาสได้ผูกสัมพันธ์กันผ่านการไปนอนค้างบ้านเพื่อน ซึ่งพวกเราจะไม่หลับไม่นอนและเล่นเอ็กซ์บ็อกซ์อินฟินิตี้กับเกมกระดานกันทั้งคืน ทั้งหมดเพียงเพราะผมขี้กลัวเกินไปเท่านั้นเอง

คนที่ผมจะคิดถึงมากสุดเป็นอันดับหนึ่งเลยคือมาเทโอในอนาคต คนที่น่าจะรู้จักผ่อนคลายมากขึ้นและออกไปใช้ชีวิต ผมคิดภาพเขาชัดๆ ไม่ค่อยออก แต่ผมจินตนาการว่ามาเทโอในอนาคตจะได้ลองทำอะไรใหม่ๆ อย่างสูบกัญชา สอบใบขับขี่ และนั่งเครื่องบินไปเปอร์โตริโกเพื่อเรียนรู้รากเหง้าของตัวเอง เขาอาจจะคบใครสักคนและชอบที่มีคนคนนั้นอยู่ข้างๆ ก็ได้ เขาคงจะเล่นเปียโนให้เพื่อนๆ ฟัง ร้องเพลงต่อหน้าพวกเขา และงานศพเขาต้องคนแน่นแน่นอน จะเป็นงานที่จัดยาวไปตลอดช่วงสุดสัปดาห์หลังจากเขาเสีย ในห้องจะเต็มไปด้วยผู้คนใหม่ๆ ที่ไม่มีโอกาสได้กอดลาเขาเป็นครั้งสุดท้าย

มาเทโอในอนาคตจะมีลิสต์รายชื่อคนที่เขาจะคิดถึงยาวกว่านี้

แต่ผมจะไม่มีวันได้เติบโตขึ้นเป็นมาเทโอในอนาคต จะไม่มีใครได้เมากัญชากับผม จะไม่มีคนฟังผมเล่นเปียโน จะไม่มีใครนั่งบนเบาะข้างคนขับในรถของพ่อผมหลังผมสอบใบขับขี่ผ่าน ผมจะไม่ได้ทะเลาะกับเพื่อนเรื่องรองเท้าโบว์ลิ่งของใครเจ๋งกว่ากันหรือใครจะได้เป็นวูล์ฟเวอรีนตอนเล่นวิดีโอเกม

ผมหงายหลังลงไปกับพื้น ครุ่นคิดว่าตอนนี้ต้องเลือกแล้วว่าจะทำหรือจะตาย ไม่ได้สิ

ทำก่อน แล้วค่อยตาย

 

0:42 .

พ่อมักจะอาบน้ำร้อนให้ใจเย็นลงเวลาโกรธหรือผิดหวังในตัวเอง ผมทำตามพ่อตอนอายุประมาณสิบสามเพราะตอนนั้นความคิดสับสนแบบมาเทโอดันผุดขึ้นมาและผมต้องการเวลาแบบมาเทโอในการจัดการกับมัน ตอนนี้ผมกำลังอาบน้ำอยู่เพราะรู้สึกผิดที่หวังว่าโลกใบนี้ หรือสักเสี้ยวใดเสี้ยวหนึ่งของมันนอกเหนือไปจากลิเดียกับพ่อจะรู้สึกเศร้าที่ต้องเสียผมไป เพราะผมปฏิเสธที่จะใช้ชีวิตอย่างไร้เทียมทานในบรรดาวันที่ผมไม่ได้รับการแจ้งเตือน ผมเสียเมื่อวานทั้งหมดไปและไม่เหลือวันพรุ่งนี้อีกแล้ว

ผมจะไม่บอกใครหรอก ยกเว้นพ่อ แต่พ่อยังไม่ได้สติ เลยถือว่าไม่นับอยู่ดี ผมไม่อยากใช้เวลาวันสุดท้ายของตัวเองไปกับการสงสัยว่าคนเขาจริงใจกันรึเปล่าตอนที่พ่นคำพูดเศร้าโศกเสียใจออกมาให้ผม ไม่ควรมีใครใช้เวลาวันสุดท้ายของตัวเองไปกับการคาดเดาการกระทำของคนอื่น

แต่ผมต้องออกไปเผชิญโลกภายนอก ต้องหลอกตัวเองว่านี่ก็แค่วันอีกวันหนึ่ง ผมต้องไปหาพ่อที่โรงพยาบาลและจับมือพ่อเป็นครั้งแรกนับจากตอนที่ผมยังเด็กและเป็นครั้งสุด…ว้าว ครั้งสุดท้ายจริงๆ

ผมคงจากไปก่อนจะปรับตัวกับการตายของตัวเองได้ซะอีก

ผมต้องไปเจอลิเดียกับเพนนี ลูกน้อยหนึ่งขวบของเธอด้วย ลิเดียให้ผมเป็นพ่อทูนหัวของเพนนีตอนที่เธอเกิด และมันแย่มากเลยเพราะผมควรจะเป็นคนที่ดูแลเพนนีถ้าหากลิเดียเป็นอะไรไป เพราะคริสเตียน แฟนหนุ่มของเธอตายไปประมาณปีกว่าแล้ว แหงล่ะ เด็กอายุสิบแปดปีที่ไม่มีรายได้จะดูแลเด็กทารกได้ยังไง ตอบสั้นๆ เลยว่าทำไม่ได้หรอก แต่ผมควรจะโตเป็นผู้ใหญ่และเล่าให้เพนนีฟังเกี่ยวกับแม่ผู้ช่วยโลกนี้เอาไว้กับพ่อสุดชิลของเธอและต้อนรับเธอสู่บ้านของผมในตอนที่ผมมีความมั่นคงทางการเงินและสภาพจิตใจพร้อม แต่ตอนนี้ผมกลับถูกตัดออกจากชีวิตของเธอก่อนที่ผมจะสามารถเป็นได้มากกว่าแค่ผู้ชายคนหนึ่งในอัลบั้มรูปที่ลิเดียจะเล่าเรื่องราวของเขาให้เธอฟัง ในระหว่างนั้นเพนนีก็จะพยักหน้า เธออาจล้อว่าแว่นผมตลก ก่อนจะพลิกไปดูรูปคนในครอบครัวที่เธอรู้จักและแคร์จริงๆ เธอจะไม่มีแม้แต่ความทรงจำเลือนรางเกี่ยวกับตัวผม แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ผมจะไม่ไปแกล้งจั๊กจี้เธออีกสักครั้งหรือเช็ดสควอชกับถั่วลันเตาออกจากหน้าเธอ หรือให้เวลาลิเดียได้พักบ้าง เธอจะได้โฟกัสกับการเตรียมสอบ GED หรือแปรงฟัน หวีผม ไม่ก็หลับสักงีบ

หลังจากนั้นผมจะหาทางปลีกตัวออกจากเพื่อนสนิทของผมและลูกสาวของเธอ แล้วออกไปใช้ชีวิต

ผมหมุนปิดก๊อกแล้วน้ำก็หยุดพรมลงมาบนตัวผม วันนี้ไม่ใช่วันที่เหมาะกับการอาบน้ำเป็นชั่วโมง ผมหยิบแว่นตาบนซิงก์ขึ้นมาใส่ ก่อนจะก้าวออกจากอ่างแล้วลื่นบนแอ่งน้ำ ตอนหงายหลังผมคิดว่าจะได้รู้ว่าทฤษฎีการเห็นชีวิตที่ผ่านมาของเราก่อนตายเป็นความจริงไหม แต่ผมคว้าชั้นวางผ้าเช็ดตัวไว้ทันพอดี ผมสูดหายใจเข้าออก เข้า ออก เพราะการตายแบบนี้เป็นอะไรที่โคตรซวยเลย จะมีคนเอาผมไปลงฟีด ‘เดี้ยงคาห้องน้ำ’ ในบล็อกตายแบบโง่ๆ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่คนเข้าไปดูเยอะมากและทำให้ผมรู้สึกขยะแขยงจนไม่รู้จะพูดยังไง

ผมต้องออกจากที่นี่เพื่อไปใช้ชีวิต แต่ผมต้องออกจากอพาร์ตเมนต์นี้ไปให้ได้แบบครบสามสิบสองก่อน

 

0:56 .

ผมเขียนโน้ตขอบคุณให้เพื่อนบ้านห้อง 4F กับห้อง 4A เพื่อบอกพวกเขาว่าวันนี้คือวันสุดท้ายของผม พอพ่อผมเข้าโรงพยาบาล คุณเอลเลียตห้อง 4F ก็คอยแวะมาดูผม เอาอาหารเย็นมาให้ โดยเฉพาะตั้งแต่ที่เตาบ้านผมเสียเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังจากที่ผมพยายามทำเอมปานาดาส สูตรของพ่อ ส่วนคุณฌอนห้อง 4A จะแวะมาซ่อมเตาให้ผมเสาร์นี้ แต่ไม่จำเป็นแล้ว พ่อผมซ่อมเป็นและเขาอาจต้องการสิ่งเบี่ยงเบนความสนใจตอนผมไม่อยู่แล้ว

ผมเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตผ้าสักหลาดลายสก็อตสีฟ้าสลับเทาที่ลิเดียให้ผมเป็นของขวัญวันเกิดอายุสิบแปดปีออกมา ก่อนจะสวมมันทับเสื้อยืดสีขาว ผมยังไม่เคยใส่มันออกไปข้างนอกเลย วันนี้ผมจะเก็บลิเดียไว้ใกล้ตัวด้วยการใส่เสื้อตัวนี้

ผมเช็กนาฬิกาข้อมือ มันเป็นเรือนเก่าของพ่อที่พ่อยกให้ผมหลังซื้อเรือนใหม่รุ่นดิจิตอลที่เรืองแสงได้เพราะพ่อตาไม่ค่อยดีแล้ว ตอนนี้กำลังจะตีหนึ่ง ในวันปกติทั่วไปผมคงกำลังนั่งเล่นวิดีโอเกมจนดึกดื่นถึงแม้ว่ามันจะทำให้ต้องไปโรงเรียนแบบหมดแรงก็ตาม อย่างน้อยผมก็หลับช่วงคาบอิสระได้ ผมไม่น่าปล่อยคาบอิสระพวกนั้นให้เสียเปล่าเลย น่าจะลงเรียนอะไรสักวิชา อย่างศิลปะ ถึงผมจะวาดรูปห่วยมากก็เถอะ (หรือทำอะไรก็ห่วยทั้งนั้น แหงล่ะ ผมอยากพูดว่ามันไม่สำคัญอะไร แต่ส่วนสำคัญก็มีแค่นั้นแหละ จริงไหม) บางทีผมน่าจะเข้าวงดนตรีหรือเล่นเปียโน สร้างชื่อให้ตัวเองสักหน่อยแล้วพัฒนาขึ้นจนได้ร้องประสานเสียง จากนั้นก็อาจต่อด้วยร้องคู่กับคนเจ๋งๆ ตามด้วยโชว์ร้องเดี่ยว โห แม้แต่วิชาการแสดงก็คงสนุกน่าดูถ้าผมได้รับบทบาทที่บีบให้ผมกล้าทำอะไรต่างไปจากเดิม แต่ไม่ล่ะ ผมเลือกให้มันเป็นคาบอิสระอีกคาบ จะได้ตัดขาดจากทุกอย่างและงีบหลับ

ตอนนี้เที่ยงคืนห้าสิบแปดนาทีแล้ว ผมจะบังคับตัวเองให้ออกจากอพาร์ตเมนต์ตอนตีหนึ่ง ที่นี่เป็นทั้งที่หลบภัยและคุกของผม คราวนี้ผมต้องออกไปดื่มด่ำกับอากาศข้างนอกแทนที่จะรุดจากจุด A ไปจุด B ทันที ผมต้องนับว่ามีต้นไม้กี่ต้น อาจจะร้องเพลงโปรดระหว่างจุ่มเท้าลงไปในแม่น้ำฮัดสันด้วย และแค่พยายามให้เต็มที่เพื่อจะได้รับการจดจำในฐานะเด็กหนุ่มผู้ตายก่อนวัยอันควร

ตีหนึ่งแล้ว

ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะไม่มีวันได้กลับมาที่ห้องของตัวเองอีก

ผมปลดล็อกประตู หมุนลูกบิด แล้วเปิดประตูออก

ผมปล่อยการ์ดที่จะเอาไปให้เพื่อนบ้านลงแล้วกระแทกประตูปิด

ผมจะไม่เดินออกไปสู่โลกที่จะฆ่าผมก่อนเวลาอันควรหรอก

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com