ทดลองอ่าน บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 3

หน้าที่แล้ว1 of 15

บทที่ 3

แม้จะกล่าวว่าสามีภรรยาสกุลฉวีมาได้ไม่ถูกจังหวะ แต่ว่าชิงซวีจื่อในฐานะนักพรตผู้ดูแลอาราม ก็ยังต้องวางงานที่รับมาพักไว้ชั่วคราวเพื่อทำหน้าที่ของเจ้าของสถานที่ให้ดี

เริ่มจากสั่งให้คนไปยกอาหารว่างที่พอมีชื่อประจำอารามมาสองจาน นั่นก็คือ ‘ผลไม้สามรส’ อาหารว่างอย่างผลไม้ที่มีสามรสชาตินี้เป็นผลงานที่นักพรตชิงซวีจื่อภาคภูมิใจ มีสรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจและดวงตา กินในช่วงก่อนถึงเทศกาลตวนอู่ ทั้งยังช่วยป้องกันอาการเจ็บป่วยจากอากาศร้อนและพิษงูได้

หลังจากอาหารว่างถูกยกมาวางแล้ว นักพรตชิงซวีจื่อก็อดทนกับความปวดใจ เลือกชาขนขาวเข็มเงิน ที่เก็บทะนุถนอมอย่างดีนานกว่าครึ่งปีออกมา สั่งการให้ลูกศิษย์ไปชงน้ำชามาต้อนรับแขก

สามีภรรยาสกุลฉวีเห็นนักพรตชิงซวีจื่อเรียกใช้ลูกศิษย์หลายคนก็ไม่สะดวกจะเอ่ยปากขัดจังหวะ หลังจากดื่มน้ำชาแล้วก็สนทนาเรื่องสัพเพเหระ แล้วมอบของขวัญที่เตรียมมาขอบคุณนักพรตชิงซวีจื่ออย่างเป็นทางการ

ก่อนกลับยังสั่งกำชับฉวีชิ่นเหยาว่าเวลาอยู่ที่อารามให้ตั้งใจฝึกวิชา ห้ามทำตัวเหลวไหลให้อาจารย์ต้องโมโห

กว่าจะส่งบิดามารดากลับไปค่อนข้างยุ่งยากไม่น้อย จากนั้นฉวีชิ่นเหยาก็หันมาเกาะติดนักพรตชิงซวีจื่อเป็นลูกอมเหนียวๆ ขอให้อาจารย์พานางไปที่หอหมู่ตันด้วย อาหานก็ช่วยขอร้องอีกแรงหนึ่ง

นักพรตชิงซวีจื่อโดนลูกศิษย์ทั้งสองรบเร้าจนหมดหนทางปฏิเสธ ท่านผู้เฒ่าสะบัดเคราแล้วกวักมือเรียก “ไป!”

 

หอหมู่ตันตั้งอยู่บนถนนใหญ่ตงอู่ ถนนสายที่คึกคักที่สุดในเมืองฉางอัน ว่ากันว่าสาวงามในหอนางโลมแห่งนี้ เถ้าแก่เนี้ยเดินทางไปเจียงหนานและยอมเสียทรัพย์ไม่ใช่น้อยเพื่อคัดเลือกเด็กสาวหน้าตางดงามกลับมาด้วยตนเอง เมื่อผ่านการอบรมสั่งสอนด้วยความทุ่มเทนานหลายปี แต่ละคนจึงมีกิริยาอ่อนหวานพราวเสน่ห์ เพียบพร้อมทั้งรูปโฉมและความสามารถ ดึงดูดให้ผู้คนหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย เป็นแหล่งละลายทรัพย์ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือของเมืองฉางอัน

อาจารย์และศิษย์รวมสามคนเดินทางมาถึงหอหมู่ตัน ขณะที่อาหานจะเดินเข้าไปข้างในอย่างเงอะงะก็โดนนักพรตชิงซวีจื่อกระชากตัวกลับมา เอามือเคาะศีรษะแล้วตำหนิ

“เจ้าโง่! สถานที่ที่มีผู้คนเข้าออกไม่ขาดสาย ต่อให้มีผีร้ายอาละวาดก็ไม่ยอมป่าวประกาศให้ใครรับรู้ แล้วเจ้าที่เป็นนักพรตกลับเดินวางมาดเปิดเผยเข้าไปเช่นนี้ กลัวว่าผู้อื่นจะไม่รู้หรือว่าที่นี่มีอะไรเกิดขึ้น” กล่าวจบแล้วเขาก็พาอาหานกับฉวีชิ่นเหยาเดินอ้อมไปทางตรอกเล็กซึ่งอยู่ด้านหลังหอหมู่ตันด้วยความคุ้นเคย แล้วเดินเข้าไปในหอแห่งนี้ทางประตูหลัง

เถ้าแก่เนี้ยหอหมู่ตันชื่อว่าจินเหนียง หลายปีก่อนก็เคยเป็นยอดหญิงงามที่โด่งดังทั่วฉางอันอยู่ช่วงหนึ่ง พอนางเห็นนักพรตชิงซวีจื่อพาศิษย์สองคนมาด้วยก็เดินเข้ามาหาแล้วเอ่ยว่า “ท่านนักพรตมาได้เสียที!” เห็นได้ชัดว่านางคงรออยู่นานแล้ว

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉวีชิ่นเหยาเห็นสตรีย่านเริงรมย์เช่นนี้ นางรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีท่วงทีกิริยาทรงเสน่ห์เหลือเกิน ชั่วพริบตาเมื่อแรกเห็นรู้สึกว่างามล้ำเกินบรรยาย แต่เดินเข้าไปใกล้มากขึ้นถึงสังเกตเห็นว่าบริเวณหางคิ้วของนางมีริ้วรอยปรากฏ ผิวพรรณก็ไม่เปล่งปลั่งเหมือนตอนที่มองเห็นอยู่ไกลๆ

สายตาของจินเหนียงสะดุดเข้ากับใบหน้าของฉวีชิ่นเหยาจึงนิ่งงันไปชั่วครู่ นักพรตน้อยคนนี้ผิวขาวผ่องยิ่งกว่าหิมะ ดวงตาคู่นั้นชุ่มฉ่ำแวววาว เป็นเด็กสาวที่น่ารักน่าเอ็นดูมากทีเดียว นางมองไปทางชิงซวีจื่อด้วยความประหลาดใจ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนนางคงอดไปสืบข้อมูลอย่างละเอียดไม่ได้ ทว่าวันนี้กลับไม่มีอารมณ์จะทำเช่นนั้น

นางส่งสัญญาณให้สาวใช้ยกน้ำชามาวางตรงที่นั่งของทั้งสามคนแล้วกล่าวกับชิงซวีจื่อว่า “ได้ยินชื่อเสียงของท่านนักพรตมานาน วันนี้เชิญท่านมาถึงที่นี่เพราะเจ้าผีร้ายอาละวาดหนักหนาเกินไปแล้วจริงๆ ถ้ายังวุ่นวายเช่นนี้ต่อไป กลัวว่าจะมีคนเป็นอันตรายถึงชีวิตอีกแน่”

ชิงซวีจื่อที่กำลังดื่มน้ำชาชะงักไปเล็กน้อย มองหน้าจินเหนียงอย่างเคร่งขรึมจริงจัง “มีใครถึงแก่ชีวิตแล้ว?”

จินเหนียงโบกมือให้สาวใช้ที่ปรนนิบัติยกน้ำชาถอยออกไปจากห้อง แล้วกดเสียงลงต่ำเล่าว่า “เมื่อหลายวันก่อนสาวใช้ที่ทำงานจิปาถะในหอของเราคนหนึ่งชื่อเหมยหง จู่ๆ ก็ตายลงอย่างกะทันหันโดยไม่รู้สาเหตุ สภาพศพของนางเหมือนโดนสูบเลือดจนหมดตัว กลายเป็นศพแห้งเหี่ยวศพหนึ่ง น่าสยดสยองยิ่งนัก ตอนนั้นคนในหอนี้ต่างแตกตื่นตกใจ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าที่นี่ต้องมีสิ่งชั่วร้ายอยู่แน่”

“เป็นเช่นนี้เอง” คิ้วยาวของชิงซวีจื่อขมวดเข้าหากันแล้วเอ่ยถาม “ตอนนี้ศพของเหมยหงอยู่ที่ใด”

จินเหนียงเผยสีหน้าหวาดกลัว “หลังจากพวกเราไปแจ้งความ ทางการก็นำศพของเหมยหงไปชันสูตร ต่อมากลับบอกว่าสาเหตุการตายของเหมยหงไม่มีอะไรน่าสงสัย สั่งให้พวกเราไปรับศพกลับมา เพราะว่าเหมยหงไม่มีครอบครัว ตอนนี้ศพของนางจึงยังอยู่ในห้องเก็บฟืนที่เรือนด้านหลัง”

ไม่มีอะไรน่าสงสัย?

ฉวีชิ่นเหยาได้ยินแล้วไฟโทสะพลุ่งพล่านในใจ ทางการเลอะเลือนไร้ความสามารถเสียจริง คนผู้หนึ่งอยู่ดีๆ กลายเป็นศพแห้งเหือดในคืนเดียว แม้กระทั่งคำอธิบายที่พอฟังขึ้นยังไม่มีให้เลย

ชิงซวีจื่อเผยสีหน้าไม่พอใจ นิ่งเงียบไปพักหนึ่งจึงเอ่ยบอกกับจินเหนียงว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ขอเชิญจินมามานำทาง ให้ข้าตรวจสอบศพของเหมยหงแล้วค่อยว่ากันอีกที”

หน้าที่แล้ว1 of 15

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 124

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบสี่ เพราะเป็นภาคเรียนสุดท้ายนักเรียนปีสี่จะจบการศึกษาในฤดูร้อนของปีนี้ การเรียนการสอนในห้องเรียนแทบจ...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 125

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบห้า หลายวันก่อนตอนรอเขากลับมา ซูเสวี่ยจื้อเคยมโนภาพหลายครั้งมากว่าคนทั้งคู่จะพบหน้ากันแบบไหน แต่เธอค...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 27-1

บทที่ 27-1 หวงปอรับใช้อยู่ข้างกายฮ่องเต้มานาน แม้จะเทียบไม่ได้กับพวกไป๋ตันหย่งที่ยืนอยู่ข้างกายซ้ายขวาของฮ่องเต้มาตั้งแต...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 27-2

บทที่ 27-2 วันรุ่งขึ้นหลังออกจากวังซีหวา เดิมทีเมิ่งถิงฮุยไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ใครจะรู้ว่าผ่านไปไม่กี่วันคำพูดของเขาที่พูดอ...

community.jamsai.com