ทดลองอ่าน ธีรกานต์ บทนำ – Jamsai
Connect with us

Jamsai

LOVE

ทดลองอ่าน ธีรกานต์ บทนำ

บทนำ

ดวงตาสีเปลือกไม้ของธีรดนย์ ภักดิ์โภคินกราดมองไปทั่วห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรู ปกติใบหน้าคมเข้มที่มักเรียบเฉยดูค่อนข้างดุอยู่แล้ว เมื่อรวมกับแววตาไม่เป็นมิตรในเวลานี้ทำให้แทบจะดูเหมือนมีรังสีบางอย่างแผ่ออกมาจากร่างสูง ผลักดันให้ทุกคนหลบลี้ออกจากรัศมีสายตาของเขา

อาการไมเกรนที่เล่นงานชายหนุ่มมาตั้งแต่เย็นยังไม่ยอมล่าถอยไป ความพยายามในการใช้ยากำราบมันไร้ผลโดยสิ้นเชิง และเสียงเพลงอึกทึกในห้องจัดเลี้ยงก็ยิ่งทำให้อาการของเขาแย่ลง

ถ้างานเลี้ยงในค่ำคืนนี้เป็นเพียงงานปกติเขาก็คงจะกลับไปแล้ว มีน้อยคนนักที่เขาจะต้องเกรงใจถึงขั้นยอมทนอยู่ในสถานการณ์ที่รู้ว่าจะทำให้อาการไมเกรนยิ่งแย่ลง แต่บังเอิญเจ้าของงานเลี้ยงคืนนี้เป็นหนึ่งในน้อยคนที่ว่านั่น

งานเลี้ยงคืนนี้เป็นงานฉลองวันคล้ายวันเกิดของบุษบา ภักดิ์โภคิน คุณน้าของเขาเอง…น้าที่เป็นเหมือนแม่คนที่สองสำหรับเขา

แม้วัยจะใกล้หกสิบซึ่งคนรุ่นเดียวกันส่วนใหญ่เริ่มหันหน้าเข้าวัดเข้าวากันแล้ว แต่บุษบายังใช้ชีวิตราวกับเพิ่งจะมีอายุสักเลขสองเลขสามนำหน้า น้าของธีรดนย์เก่งเรื่องการหาความสุขใส่ตัว หนำซ้ำยิ่งอายุมากขึ้นท่านก็ยิ่งมีวิธีสรรหาความสุขใส่ตัวแบบสุดเหวี่ยงขึ้นตามไปด้วย อย่างเช่นปีนี้ท่านจัดงานวันเกิดที่ใกล้จะเป็นงานคอนเสิร์ตเต็มที มีการจ้างนักร้องคนโปรดมาโชว์ และนอกจากพวกพ้องในวงสังคมที่มาเป็นแขกแล้ว ในงานยังเต็มไปด้วยเหล่าดารานางแบบนายแบบที่ถูกจ้างมาโชว์ตัวให้งานคึกคัก มีชีวิตชีวา

ชายหนุ่มไม่มีความเห็นใดๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของน้า ท่านครองตัวเป็นโสดมาตลอด ถ้าไม่นับเขาแล้วก็ต้องบอกว่าไม่มีครอบครัวให้ห่วง แถมที่ผ่านมาท่านก็เหนื่อยกับการดูแลทั้งเขาและแม่ของเขามายาวนาน เมื่อหมดสิ้นภาระแล้วท่านก็ควรได้ใช้ชีวิตในแบบที่อยากใช้ให้เต็มที่ ดังนั้นต่อให้ต้องทนมากกว่านี้เขาก็พร้อมจะยอมทำให้ท่าน

และนั่นก็รวมถึงการปล่อยให้เสียงเบสหนักๆ ของวงดนตรีในงานกระตุ้นอาการไมเกรนให้เริงร่าในหัวเขาต่อไปด้วย

“นายครับ เราได้บ้านริมน้ำมาแล้ว” สุชาติ เลขานุการของธีรดนย์เดินมากระซิบ

“บ้านริมแม่น้ำเจ้าพระยาใช่ไหม” ผู้เป็นเจ้านายถามเพื่อความแน่ใจ

“ครับ”

“ดี งั้นหาคนมาจัดการกับบ้านหลังนั้นได้เลย…บริษัทที่ทำมอลล์ริมน้ำให้เราอยู่นั่นพอจะทำงานแบบนี้ไหม จะได้สะดวกเรื่องการเดินทางด้วย”

“น่าจะได้อยู่นะครับ เท่าที่รู้เขารับงานกว้างอยู่เหมือนกัน เดี๋ยวผมจะลองถามดู”

“ลองหาบริษัทอื่นดูด้วย แต่ดูให้แน่ใจว่าเป็นบริษัทที่ถนัดสไตล์โคโลเนียลแน่ ฉันไม่อยากให้ไปทำของเดิมพังหรือทำใหม่แล้วดูปลอม” ธีรดนย์กำชับ

“ครับ” เลขานุการรับคำหนักแน่น ก่อนจะรีบหันไปตามสายตาของเจ้านาย

“นั่นอะไรกัน”

เท่าที่สุชาติเห็นคือมีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้าไปหาบุษบาในลักษณะคล้ายชวนออกไปเต้นรำด้วยกัน หมอนั่นดูโดดเด่นอย่างน่าประหลาดทั้งที่สวมใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็กส์เรียบๆ ถ้าเข้าใจไม่ผิดน่าจะเป็นนายแบบสักคนที่ถูกจ้างมาเป็นสีสันของงาน แต่ที่แน่ๆ ไอ้หนุ่มนี่น่าจะเจ้าชู้แพรวพราวพอตัว บุษบาถึงออกอาการขวยเขินประหนึ่งสาวรุ่นจนสะดุดตาธีรดนย์แบบนี้

สุชาติเหลือบสายตากลับมามองเจ้านายอีกหน เขาเป็นเลขานุการของอีกฝ่ายมานานจึงพอจะทราบว่าธีรดนย์ไม่ค่อยเข้าไปก้าวก่ายการใช้ชีวิตของผู้เป็นน้า แม้จะมีข่าวลอยตามลมมาให้ได้ยินว่าบุษบาเลี้ยงผู้ชายอยู่บ้าง แต่ตราบใดที่ผู้ชายคนนั้นไม่พยายามเกาะหรือพาตัวเองมายืนข้างน้าสาวออกหน้าออกตาจนก่อความรำคาญตารำคาญใจจนเกินไป คนเป็นหลานชายก็จะไม่เข้าไปยุ่ง

ทว่าก็ลืมไม่ได้ว่าวันนี้เจ้านายของเขาอารมณ์ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ ซึ่งส่วนหนึ่งคงเป็นผลมาจากอาการไมเกรน เท่าที่ฟังประโยคคำถามเมื่อครู่ก็คล้ายเจือไว้ด้วยความไม่ชอบใจ เวลาคนเราปวดหัวก็มักจะหงุดหงิดง่ายกว่าปกติเสียด้วย

ก็ได้แต่หวังว่าคืนนี้ไอ้หนุ่มนั่นจะไม่ก้าวล้ำเส้นแล้วกัน

 

“คุณพี่บุษจะไม่ให้เกียรติไปเต้นรำกับกานต์สักเพลงจริงๆ เหรอครับ”

สุ้มเสียงออดอ้อนกับแววตาเว้าวอนของคนตรงหน้าทำให้บุษบาถึงกับต้องรีบบีบมือที่กำลังเกาะมือของตนเองอยู่แล้วปลอบเสียงอ่อนหวาน

“ไม่ใช่ว่าพี่ไม่อยากเต้นรำกับน้องกานต์นะจ๊ะ แต่เดี๋ยวสาวๆ ก็จะพากันเขม่นพี่พอดี พี่ไม่ถนัดสู้รบปรบมือกับใครเสียด้วย”

“ใครจะกล้าเขม่นคุณพี่บุษล่ะครับ นี่งานวันเกิดของคุณพี่บุษ…และที่สำคัญยังไงคืนนี้คุณพี่บุษก็สวยเด่นที่สุดแบบไม่ต้องแข่งกับใครอยู่แล้ว”

แม้จะทราบแก่ใจว่ามันเป็นเพียงคำหวานที่อีกฝ่ายพูดเพื่อเอาใจตนเอง ทว่าบุษบาก็ยังอดหัวเราะคิกคักด้วยความจั๊กจี้หัวใจไม่ได้ บางทีอาจเพราะประกายวิบวับแพรวพราวที่อีกฝ่ายใช้มองมาก็ได้ ท่านรู้สึกราวกับอายุลดลงสักครึ่งหนึ่งทีเดียว

ใครๆ ก็ร่ำลือว่ากานต์หน้าหวาน แต่ไม่ยักบอกว่าปากหวานด้วย

“นะครับ นิดเดียวก็ได้”

คราวนี้กานต์ไม่พูดเปล่า แต่ก้มลงไปประทับริมฝีปากลงบนหลังมือของบุษบาด้วย คนโดนจู่โจมถึงกับตาโตด้วยความตกใจก่อนจะหัวเราะคิกคักถูกอกถูกใจ ทว่าวินาทีถัดมาท่านก็ต้องตกใจอีกรอบ คราวนี้ถึงกับหลุดปากร้องโอ๊ะออกมาเมื่อจู่ๆ กานต์ก็กระตุกแขนดึงร่างของท่านเข้าไปใกล้และใช้อีกแขนตวัดโอบเอวท่านไว้หลวมๆ

“เราเต้นรำกันตรงนี้เลยก็ได้”

พอบุษบาตั้งตัวได้ก็หัวเราะขึ้นมาอีก แต่ไม่ทันไรท่านก็เหลือบไปเห็นหลานชายเดินตรงมา ใบหน้าที่ค่อนข้างดุอยู่แล้วของเขาดูถมึงทึง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสาเหตุคืออะไร ปกติเขาไม่ยุ่งถ้าท่านจะใช้เวลากับใคร ทว่าในกรณีที่มีคนพยายามแสดงความสนิทสนมกับท่านแบบถึงเนื้อถึงตัวในที่สาธารณะก็เป็นอีกเรื่อง เพราะเขามองว่าถ้าอีกฝ่ายเป็นคนที่ดีพอก็ควรให้เกียรติท่าน เว้นแต่จะใกล้ชิดสนิทกันถึงขั้นที่สามารถแสดงออกขนาดนั้นได้

อย่างไรก็ตามโชคดีที่มีใครอีกคนโผล่มาและแกะมือของกานต์ออกจากบุษบาอย่างรวดเร็ว

“ขอโทษนะคะคุณบุษ กานต์มันเมาไปหน่อย”

“จ้ะ ไม่เป็นไร” บุษบาหันไปพูดกับหทัยรัตน์อย่างไม่ถือสา ท่านคุ้นเคยกับหญิงสาวคนนี้พอสมควรเพราะเธอทำงานโมเดลลิ่ง

หทัยรัตน์โปรยยิ้มหวานให้หญิงสูงวัยอีกครั้ง และเผื่อแผ่ไปถึงธีรดนย์ซึ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้าท่าทางเหมือนจะกินหัวคนด้วย จากนั้นเธอก็รีบลากกานต์ออกจากตรงนั้นด้วยความไวแสง

“ว่าไงจ๊ะธี หน้าบูดแบบนี้ไมเกรนยังไม่หายล่ะสิ” บุษบาหันไปคุยกับหลานชายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ไอ้ผู้ชายคนเมื่อกี้คือใคร”

“เขาชื่อกานต์” ผู้เป็นน้ามองใบหน้าหล่อเหลาคล้ายแปลกใจ ก่อนที่ท่านจะตอบทั้งรอยยิ้ม “เมื่อกี้เขาแค่เมาน่ะ อย่าไปถือสาเลย”

ธีรดนย์ไม่ตอบ แต่สีหน้าดูไม่สบอารมณ์นัก ที่สำคัญสายตาของเขายังคงตวัดมองไปยังทิศทางที่หทัยรัตน์ลากกานต์ออกไป พอเห็นอย่างนั้นบุษบาเลยส่งเสียงดึงความสนใจของหลานชายไว้อีกครั้ง

“ความจริงถ้าไมเกรนไม่หายธีก็ควรกลับไปพักนะ เพราะเสียงดังๆ คนเยอะๆ นี่น่าจะยิ่งทำให้ไมเกรนแย่ลงไม่ใช่เหรอ อย่าให้งานวันเกิดน้ากลายเป็นงานทรมานธีเลย แล้วเดี๋ยวเราค่อยนัดกินข้าวกันอีกที”

ดวงตาคมเบนกลับมามองน้าอย่างชั่งใจ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็พยักหน้า ต้องยอมรับว่าเขาอยากกลับไปพักเงียบๆ จริงๆ และที่สำคัญถ้าอยู่ต่อแล้วเห็นอะไรไม่เข้าตาแบบเมื่อครู่อีก เขาอาจจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ก็ได้

 

“ไอ้กานต์ ใครใช้ให้แกกินเหล้า หา!”

หทัยรัตน์แหวใส่เพื่อนสนิทที่ควบตำแหน่งโมเดลในสังกัด เธอไม่ได้ลากกานต์ออกมาแค่ให้ห่างจากบุษบา แต่ถึงขั้นลากออกมาที่ลานจอดรถเลยทีเดียว เพราะเป็นเพื่อนกันเธอจึงทราบดีว่าสภาพของอีกฝ่ายในเวลานี้ค่อนข้าง ‘อันตราย’ อย่างไรเธอก็คงไม่อาจปล่อยให้กานต์เข้าไปทำงานต่อได้อีก ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าผู้ว่าจ้างอย่างบุษบาจะไม่ทันสังเกตหรือถึงสังเกตก็ขอให้ท่านไม่ถือสา

“ไม่ใช่เหล้า แค่ค็อกเทล”

ไอ้เพื่อนตัวดีแก้ และมันก็ทำให้ดวงตาที่พองด้วยความโมโหอยู่แล้วของหทัยรัตน์ยิ่งพองหนักเข้าไปใหญ่

“ไอ้กานต์! ไอ้บ้า ถึงจะเป็นค็อกเทลแต่มันก็มีแอลกอฮอล์ แกรู้ทั้งรู้แล้วยังจะเอามันเข้าปากอีก แกเป็นบ้าหรือไงหา!”

“ก็สีมันสวย”

“ไอ้กานต์!”

“อยู่ใกล้แค่นี้ทำไมต้องเสียงดัง เป็นผู้หญิงเอะอะมากมันไม่งามนะ” คนโดนโวยใส่ไม่สะทกสะท้าน ยังคงยืนเอาสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงยิ้มๆ อยู่นั่นเอง

“อย่างแกยังมีหน้ามาสั่งสอนฉันอีกเหรอ นี่ฉันช่วยชีวิตแกไว้ยังไม่สำนึกอีก ไปลามปามกับคุณบุษอย่างนั้น คุณธีหลานเขาจะหิ้วแกไปโยนแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่แล้ว…”

หทัยรัตน์ไม่ยอมเลิกโวยวาย ซ้ำยังตั้งท่าจะเทศน์อีกชุดใหญ่ ทว่ายังไม่ทันได้ทำแบบนั้นกานต์กลับก้มลงและยื่นหน้ามาจูบเธออย่างรวดเร็ว คนโดนจูบเบิกตากว้างด้วยความช็อก พอวินาทีต่อมาได้สติก็จะกระเด้งตัวหนี แต่ก็ยังช้ากว่ามือของอีกฝ่ายที่ยกขึ้นมายึดปลายคางของเธอไว้

ขณะเดียวกันที่อีกฟากของลานจอดรถ รถยนต์สัญชาติยุโรปคันโตเพิ่งเคลื่อนมาหยุดตรงหน้าประตูทางเข้าโรงแรมอย่างเงียบเชียบ สุชาติเดินไปเปิดประตูห้องโดยสารด้านหลังของรถอย่างรวดเร็ว ธีรดนย์เดินตามมาที่ด้านหลัง พอเจ้านายก้าวขึ้นรถเลขานุการหนุ่มก็ปิดประตูแล้วรีบขยับไปขึ้นรถตรงที่นั่งข้างคนขับ ไม่กี่วินาทีถัดมารถก็ออกตัวอย่างนุ่มนวล

ธีรดนย์คลายเนกไทออกจากลำคอพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ พอพ้นมาจากห้องจัดเลี้ยงซึ่งเต็มไปด้วยความวุ่นวายและเสียงอึกทึกเขาก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาบ้าง ดวงตาสีเปลือกไม้เหลือบมองนอกหน้าต่างรถยนต์โดยไม่ได้คิดอะไร ทว่าสายตาของเขาก็สะดุดเข้ากับเค้าโครงร่างสองร่างที่ยืนอยู่ด้วยกันใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งไม่ไกลจากประตูทางเข้าออกอีกประตูของโรงแรม

ไอ้หมอนั่น…ธีรดนย์จดจำร่างที่สูงกว่าได้ทันที ส่วนร่างที่เตี้ยกว่านั้นเขาไม่แน่ใจ รู้แต่ว่าเป็นผู้หญิง และถ้าดูจากชุดแล้วอาจเป็นคนเดียวกับที่มาลากหมอนั่นออกห่างจากบุษบาก็ได้ ที่สำคัญกว่านั้นคือดูเหมือนทั้งสองจะกำลังจูบกันอยู่

คิ้วเข้มๆ กระตุกเล็กน้อยด้วยความไม่สบอารมณ์กับความคิดที่ว่าเมื่อครู่ไอ้บ้านี่ทำท่าเหมือนจะจูบบุษบา แล้วตอนนี้มันกลับมาจูบผู้หญิงอีกคน ดูยังไงมันก็ไม่ใช่คนดีที่น่าไว้ใจแน่นอน แต่เขาก็ปัดอารมณ์ขุ่นมัวทิ้งไปได้ไม่ยากนักเมื่อคิดว่าสุดท้ายหมอนั่นก็ไม่ได้ทำอะไรไม่สมควรต่อบุษบา แม้จะเป็นเพราะโดนลากออกไปก่อนก็ตาม

แต่อย่าให้เห็นว่ามันมารุ่มร่ามกับน้าของเขาอีกก็แล้วกัน

 

โปรดติดตามตอนต่อไป…………

Comments

comments

Continue Reading

More in LOVE

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 124

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบสี่ เพราะเป็นภาคเรียนสุดท้ายนักเรียนปีสี่จะจบการศึกษาในฤดูร้อนของปีนี้ การเรียนการสอนในห้องเรียนแทบจ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 27-1

บทที่ 27-1 หวงปอรับใช้อยู่ข้างกายฮ่องเต้มานาน แม้จะเทียบไม่ได้กับพวกไป๋ตันหย่งที่ยืนอยู่ข้างกายซ้ายขวาของฮ่องเต้มาตั้งแต...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 125

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบห้า หลายวันก่อนตอนรอเขากลับมา ซูเสวี่ยจื้อเคยมโนภาพหลายครั้งมากว่าคนทั้งคู่จะพบหน้ากันแบบไหน แต่เธอค...

community.jamsai.com