ทดลองอ่าน ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา เล่ม 1 บทที่ 9 – 10 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา

ทดลองอ่าน ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา เล่ม 1 บทที่ 9 – 10

หน้าที่แล้ว1 of 4

บทที่ 9

ตัวของมู่หวาฮุยยังอยู่กลางอากาศก็เห็นสถานการณ์การต่อสู้ที่ด้านล่างอย่างชัดเจนแล้ว

เขารวบรวมปราณวิเศษไว้ที่กระบี่ วาดผ่านอากาศจากบนลงล่าง มารอสูรสามตนที่มีพลังวัตรสูงสุดถูกฟาดใส่ทันที หมอกโลหิตสีแดงเข้มแตกกระจายออกมา มู่หวาฮุยโอบร่างเมิ่งถังลงสู่พื้นอย่างนุ่มนวลดุจปุยหิมะ

ปราณวิเศษของมู่หวาฮุยยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม เมื่อครู่ตอนพาเมิ่งถังขี่กระบี่เข้ามาถึงกับไม่มีมนุษย์และไม่มีมารสังเกตเห็น จู่ๆ เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ มนุษย์และมารที่กำลังต่อสู้กันอยู่ต่างตะลึงงัน พากันหยุดใช้อาวุธในมือ หันหน้ามองมา

ก็เห็นบุรุษหล่อเหลาสง่างามดุจหยกผู้หนึ่งกับหญิงสาวงามเพริศพริ้งอรชรผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาราวกับตกมาจากฟากฟ้า ในมือบุรุษผู้นั้นกุมกระบี่ยาวไอกระบี่เย็นยะเยือกยังคงอยู่คล้ายว่าพริบตาถัดมาก็จะกวัดแกว่งมาที่พวกเขา…

บุรุษผู้นี้เป็นใครกัน ถึงกับแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ กระบี่เดียวก็สังหารมารอสูรไปสามตน ทั้งยังเป็นผู้ที่มีพลังมารขั้นสูงสุดในหมู่มารเหล่านี้

เหล่ามารที่เหลืออยู่ในใจล้วนเกิดความหวาดกลัว กระทั่งมีสองตนที่ถอยหลังไปเงียบๆ

ส่วนหลายคนที่สวมชุดสีครามต่างมีสีหน้าดีใจ

เดิมคิดว่าถูกเหล่ามารโอบล้อมโจมตี พวกตนคงต้องสิ้นชื่ออยู่ที่นี่แน่แล้ว คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีคนลงจากฟากฟ้ามาช่วยเหลือ แม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่กระบี่พร้อมปราณวิเศษเมื่อครู่ก่อนบริสุทธิ์เพียงนั้นจะต้องเป็นศิษย์สำนักบำเพ็ญเซียนที่ใดสักแห่งเป็นแน่ มีคนผู้นี้อยู่คิดว่าวันนี้ชีวิตของพวกตนคงไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว

กระทั่งเป็นไปได้ว่าพวกตนคงไม่ต้องลงมือแล้ว

เพราะเพียงกระบี่เดียวเมื่อครู่ของคนผู้นี้ก็จัดการมารอสูรสามตนที่ร้ายกาจที่สุดไปได้ มารที่เหลืออยู่เหล่านี้ แม้จะมีจำนวนมาก แต่เกรงว่าเขากวัดแกว่งกระบี่ไม่กี่ครั้งก็คงจัดการได้ทั้งหมด

เหนือความคาดหมายหลังจากลงสู่พื้นแล้ว มู่หวาฮุยกลับไม่มีท่าทีจะลงมืออีก หากแต่พลิกฝ่ามือโยนกระบี่อู๋จี๋ให้เมิ่งถัง มือข้างหนึ่งไพล่หลังเหมือนไม่มีอะไร

“ศิษย์น้อง มารอสูรที่เหลือมอบให้เจ้า”

การคลุกคลีอยู่ด้วยกันทุกเช้าค่ำมาครึ่งปีเพียงพอให้เมิ่งถังเข้าใจมู่หวาฮุยแล้ว

คิดดูแล้วเมื่อครู่ที่พอมาถึงก็จัดการมารอสูรสามตนที่ลำดับขั้นร้ายกาจที่สุดไปในกระบี่เดียว แต่เหลือมารอื่นๆ ไว้ คงเพราะต้องการจะทิ้งมารอสูรกลุ่มนี้ให้นางได้ทดสอบฝีมือ

อย่าเห็นว่าเวลานี้เมิ่งถังผ่านขั้นสร้างฐานแล้ว มู่หวาฮุยเองก็ทดสอบฝีมือนางอยู่เสมอ แต่นางยังไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้ที่แท้จริงแม้แต่น้อย บัดนี้จู่ๆ ได้รับโอกาสเช่นนี้ นางกลับไม่ค่อยกลัว แต่ยังคงมีความลังเลเล็กน้อย

ศิษย์พี่ไม่รู้ แต่นางรู้อย่างกระจ่างแจ้ง บิดาผู้ให้กำเนิดของศิษย์พี่เป็นอดีตรัชทายาทเผ่ามาร อีกทั้งศิษย์พี่ยังเป็นเผ่าพันธุ์มารโดยกำเนิด ทว่าถูกมารดาผู้ให้กำเนิดผนึกกระดูกมารเอาไว้ เรื่องนี้จึงไม่มีผู้ใดรู้มาก่อน

มารอสูรที่อยู่เบื้องหน้าเหล่านี้ พูดขึ้นมาแล้วความจริงก็เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันกับศิษย์พี่…

ในชั่วขณะที่นางลังเลอยู่นั่นเอง จู่ๆ ก็มีมารตนหนึ่งหมุนตัวจะหลบหนี ศิษย์หญิงอายุน้อยที่อยู่ด้านข้างคนหนึ่งเห็นแล้ว รีบขยับกระบี่เข้าไปขวาง

กลับถูกมารตนนั้นใช้ลูกตุ้มดาวตกในมือที่หนักเกินร้อยชั่ง โจมตีเข้าที่หน้าอกอย่างแม่นยำ

ศิษย์หญิงผู้นั้นร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างของนางปลิวไปกระแทกกับผาหินที่อยู่ด้านข้างราวกับว่าวกระดาษที่ขาดลอยในทันที

เมิ่งถังเห็นแล้ว ความลังเลในใจก็ไม่มีอีก

นางรู้สิ่งมีชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน ไม่ว่ามนุษย์หรือมารล้วนแบ่งเป็นดีชั่ว แต่มารรูปร่างสูงใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้เห็นชัดว่าล้วนยังไม่เปิดปัญญา รู้จักแต่เข่นฆ่าสังหารอย่างเหี้ยมโหด

ไม่มีใครมีสิทธิ์ช่วงชิงชีวิตผู้อื่นโดยไม่มีสาเหตุ ในเมื่อเป็นเช่นนี้มารเหล่านี้ย่อมสมควรตาย

นางรับกระบี่มากุมไว้ในมือ จากนั้นสูดลมหายใจเข้าแล้วทะยานขึ้น โผลงไปที่กลางฝูงมารด้วยท่วงท่าคล่องแคล่วว่องไวขึ้นดุจกระต่ายลงดั่งเหยี่ยวโฉบ

มู่หวาฮุยเดิมทียังห่วงว่าเมิ่งถังทำศึกจริงเป็นครั้งแรกจะรู้สึกกลัว สายตาไล่ตามนางไปตลอดเวลา

คิดไม่ถึงว่าใบหน้าของศิษย์น้องดูแล้วไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย ขณะเคลื่อนไหวขยับมือขึ้นลง ท่วงท่าคล่องแคล่วสง่างามยิ่ง กวัดแกว่งกระบี่อู๋จี๋เป็นประกายสว่างสดใสดุจหิมะ ประกายกระบี่วาดผ่านไปทางใด เหล่ามารอสูรต่างไม่อาจต้านได้

รอจนร่างใหญ่โตมหึมาของมารอสูรตัวสุดท้ายล้มตึงลงกับพื้น เมิ่งถังถือกระบี่ยืนอยู่กับที่ ในสมองมีแต่ความว่างเปล่า เมื่อครู่ตลอดเวลาในใจของนางไม่มีความหวาดกลัวจริง เพราะนางรู้มีมู่หวาฮุยอยู่ เขาไม่มีทางปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับนาง

แต่จะอย่างไรนี่ก็เป็นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตครั้งแรกของนาง ถึงพวกนี้จะเป็นเพียงมารอสูรชั้นต่ำก็ตาม…

ขณะงงงวยทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น นางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นจากไกลเข้ามาใกล้

ในสายตาที่หลุบต่ำเห็นชายเสื้อสีขาวแถบหนึ่ง หยกประดับสีเขียวเข้มผูกอยู่กับเส้นไหมฟั่นเกลียวที่ห้อยอยู่ตรงช่วงเอว

มือที่ชื้นไปด้วยเหงื่อกระชับด้ามกระบี่ นางเงยหน้าขึ้นช้าๆ

ไอมารดำมืดที่อยู่บริเวณรอบๆ สลายไปแล้ว ประกายหิมะสีขาวเพียงพอที่จะส่องสว่างทั่วบริเวณ

หน้าที่แล้ว1 of 4

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 124

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบสี่ เพราะเป็นภาคเรียนสุดท้ายนักเรียนปีสี่จะจบการศึกษาในฤดูร้อนของปีนี้ การเรียนการสอนในห้องเรียนแทบจ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 27-1

บทที่ 27-1 หวงปอรับใช้อยู่ข้างกายฮ่องเต้มานาน แม้จะเทียบไม่ได้กับพวกไป๋ตันหย่งที่ยืนอยู่ข้างกายซ้ายขวาของฮ่องเต้มาตั้งแต...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 125

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบห้า หลายวันก่อนตอนรอเขากลับมา ซูเสวี่ยจื้อเคยมโนภาพหลายครั้งมากว่าคนทั้งคู่จะพบหน้ากันแบบไหน แต่เธอค...

community.jamsai.com