ทดลองอ่าน กล่อมเกลาปราชญ์หญิง บทที่ 5 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

กล่อมเกลาปราชญ์หญิง

ทดลองอ่าน กล่อมเกลาปราชญ์หญิง บทที่ 5

หน้าที่แล้ว1 of 11

บทที่ 5

มนุษย์เราคุ้นเคยกับสิ่งที่อยู่ในขอบเขตการรับรู้ของตน น้อยนักที่จะออกไปสำรวจสิ่งที่ไม่รู้จัก นี่เป็นข้อเสียที่มนุษย์เรามีกันทุกคน

ที่ผ่านมาอี้เจียงคิดว่าตัวตนที่แท้จริงของนางเป็นข้อด้อย หากก้าวพลาดแม้แต่ก้าวเดียวจะก่อให้เกิดความเสียหายที่แก้ไขไม่ได้ นางกลัวว่าจะถูกคนที่นี่จับพิรุธได้ เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว นางเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่รู้จัก ดังนั้นนางจึงใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างระมัดระวังทุกย่างก้าว

การถูกจับเข้าคุกอีกครั้งทำให้นางคิดขึ้นมาได้ว่าไม่มีใครในใต้หล้านี้ที่จะมีชีวิตมั่นคงไร้ความเสี่ยง หลบเลี่ยงได้ก็ใช่ว่าจะได้อยู่อย่างสุขสงบไปทั้งชีวิต อันที่จริงไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็คาดเดาที่มาของนางไม่ถูกอยู่แล้ว แม้จะสงสัย ค้นหาคำตอบ ตัดสิน แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นปริศนาสำหรับพวกเขาอยู่ดี

ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่ข้อด้อย แต่เป็นข้อได้เปรียบที่นางปล่อยให้สูญเปล่ามานานต่างหาก

ประตูห้องขังเปิดออก ทหารฉียืนเรียงริมทางเดินเป็นสองแถวยาวไปจนถึงหน้าประตูคุก

อี้เจียงถูกปล่อยตัวออกจากคุก

นางจัดสาบเสื้อให้เข้าที่ ลูบผมแล้วก้าวออกมา ดวงอาทิตย์ส่องแสงจ้าอยู่บนฟ้า รู้สึกดีอย่างยิ่งที่ได้สูดอากาศสดชื่นข้างนอกอีกครั้ง

รถม้าจอดรออยู่แล้ว ทหารเปิดทางให้และเชิญนางขึ้นรถ รถม้าแล่นด้วยความเร็วสูง ไม่ได้ใช้ถนนใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสียงคนจอแจ แต่อ้อมไปตามทางรถวิ่งอันเงียบสงบรอบวังหลวง แล่นฉิวไปตลอดทางอย่างไร้อุปสรรค

อี้เจียงชะโงกหน้ามองออกมาเมื่อรถจอด วิสัยทัศน์เบื้องหน้าเปิดโล่ง เป็นลานกว้างขนาดใหญ่ล้อมรั้วสูง มองหาที่สิ้นสุดไม่เจอ ตรงกลางมีเสาประตูสองต้นแกะสลักลวดลายงดงาม ป้ายที่ห้อยอยู่ข้างบนบ่งบอกว่าที่แห่งนี้คือค่ายฝึกทหารแคว้นฉี

“ผู้ทรงภูมิ เชิญขอรับ”

อี้เจียงเดินผ่านประตูเข้าไปพร้อมทหาร ข้างในฝุ่นดินฟุ้งตลบ ด้านหนึ่งมีม้ามากมาย ถัดออกไปเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีผืนกว้าง ดูแล้วน่าจะเป็นลานเลี้ยงม้า

ตรงกลางมีลานล้อมรั้วอีกชั้น เหล่าทหารซ้อมรบอยู่ในนั้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ด้านนอกลานฝึกซ้อมเป็นทางม้าวิ่งสองทางขนานกัน ทหารสวมชุดเกราะจำนวนหนึ่งกำลังขี่ม้าประชันทักษะกันด้วยหอกและดาบจริง นางเห็นแล้วยังรู้สึกวูบไหวในช่องท้อง

“ผู้ทรงภูมิ” อี้เจียงหันไปมอง ทหารที่นำทางนางมาผายมือเชิญ “พระมเหสีทรงกำลังรอท่านอยู่บนแท่น”

นางเหลือบมองแท่นสูงที่สร้างขึ้นจากไม้แล้วเดินขึ้นบันไดไป

ด้านหน้าฉากบังตาลายมังกร นางกำนัลสองคนแหวกม่านไหม สตรีวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งอยู่หลังม่าน สวมอาภรณ์ประณีตหรูหรา เขียนคิ้วดำ ทาปากแดง แต่งหน้าอย่างประณีตบรรจง

“หวนเจ๋อถวายพระพรพระมเหสี”

พระมเหสีจวินช้อนมือให้อี้เจียงลุกขึ้น “ท่านเสนาบดีบอกว่าเขามีวิธีทำให้แคว้นฉีถอนตัวออกจากเรื่องนี้ได้ ทั้งยังพูดขอร้องแทนผู้ทรงภูมิ ข้าเองก็เสียดายคนมีความสามารถ จึงปล่อยตัวผู้ทรงภูมิออกมา”

อี้เจียงปรายตามองกงซีอู๋ที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะฝั่งซ้ายมือ ขนตายาวของเขาหลุบลง ไม่แสดงท่าทีตอบสนองใดๆ

นางฟังเสียงซ้อมรบอันห้าวหาญแล้วตอบกลับไปว่า “หม่อมฉันไม่เข้าใจ กองทัพฉีแข็งแกร่งออกปานนี้ เหตุใดพระมเหสีต้องทรงกลัวแคว้นฉินด้วย”

“เจ้าพึ่งได้เห็นการซ้อมรบแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว จะสรุปได้อย่างไร” พระมเหสีจวินขมวดคิ้วแน่นจนหว่างคิ้วย่นเป็นร่อง “แคว้นฉีมีแม่ทัพเก่งกาจน้อยนัก มีแค่เถียนตันคนเดียวที่รับภาระนี้ หาเรื่องใส่ตัวให้น้อยเข้าไว้จะเป็นผลดีต่อราษฎรมากกว่า”

อี้เจียงเหลือบมองกงซีอู๋อีกครั้ง “หม่อมฉันเชื่อว่าท่านเสนาบดีจะต้องมีแผนการดีๆ แน่ แต่หม่อมฉันเองก็มีทางออกอยู่ทางหนึ่ง ในเมื่อพระมเหสีทรงอยากประสานรอยร้าวระหว่างฉีและฉิน หวนเจ๋อก็ยินดีเป็นทูตให้แคว้นฉี ออกเดินทางไปแคว้นจ้าวเพื่อแจกแจงผลได้ผลเสียให้พระพันปีจ้าวทรงทราบ ความเป็นพันธมิตรของจ้าวและฉีจะสิ้นสุดลงนับแต่นี้ไป ถือเป็นการชดเชยให้แคว้นฉิน”

พระมเหสีดวงตาเป็นประกาย “เจ้าพูดจริงหรือ!”

กงซีอู๋พลันเงยหน้าขึ้นด้วยแววตาคมกริบ “กระหม่อมเห็นว่าไม่ควร ต่อให้พระมเหสีทรงอยากส่งทูตไปแคว้นจ้าว ทรงแต่งตั้งคนอื่นไปก็ได้”

พระมเหสีจวินโบกมือปรามไม่ให้กงซีอู๋พูดต่อ “ท่านเสนาบดีกล่าวเช่นนี้ผิดไปแล้ว ผู้ทรงภูมิหวนเจ๋อมาจากแคว้นจ้าว ย่อมได้รับความไว้วางใจจากพระพันปีจ้าว มอบหมายให้นางไปพูดเรื่องนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว”

อี้เจียงรีบค้อมศีรษะรับบัญชา “หวนเจ๋อจะออกเดินทางในทันที จะไม่ทำให้พระมเหสีทรงผิดหวังเป็นอันขาด”

กงซีอู๋มองมาด้วยแววตาลึกล้ำหาที่สิ้นสุดไม่เจอ

 

ณ จวนตัวประกัน จ้าวจ้งเจียวเพิ่งได้ข่าวว่าอี้เจียงถูกปล่อยตัวออกมา กำลังจะสั่งให้ตันคุยไปรับนาง ก็ได้ยินว่านางออกเดินทางไปแคว้นจ้าวแล้ว ทำให้เขางงงันจนพูดไม่ออก

นางออกมาได้อย่างไร แล้วไฉนพอออกมาก็ไปแคว้นจ้าวทันที คราวนี้จ้าวจ้งเจียวเป็นฝ่ายเดินกลับไปกลับมาเบื้องหน้าตันคุยบ้าง

ตันคุยเองก็ขมวดคิ้วแน่นด้วยความกังวล เขาเกาะประตูห้องโถง ชะเง้อคอมองออกไปข้างนอกราวกับว่ามองแล้วอี้เจียงจะปรากฏตัวขึ้นมาได้ “แม่นางเพิ่งออกจากคุกก็เดินทางไปแคว้นจ้าวทั้งที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่กลัวว่าสิ่งอัปมงคลจะติดตัวหรือไรนะ น่าเป็นห่วงจริงๆ”

จ้าวจ้งเจียวหยุดเดิน หน้าดำเป็นก้นหม้อ

ช่วยคิดอะไรที่มีประโยชน์สักหน่อยได้หรือไม่!

หน้าที่แล้ว1 of 11

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in กล่อมเกลาปราชญ์หญิง

  • กล่อมเกลาปราชญ์หญิง

    ทดลองอ่าน กล่อมเกลาปราชญ์หญิง บทที่ 4

    By

    บทที่ 4 อี้เจียงเพิ่งรู้ว่าที่แท้เขาอยู่ห่างจากตนเองแค่ชั่วผนังกั้น นางถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “ศิษย์พี่ไม่เป็นไรใช่หรือไม่” ฝ่ายตรงข้ามส่ายห...

  • กล่อมเกลาปราชญ์หญิง

    ทดลองอ่าน กล่อมเกลาปราชญ์หญิง บทที่ 3

    By

    บทที่ 3 โรงเตี๊ยมพลันสับสนวุ่นวายขึ้นมา องครักษ์แคว้นฉียืนเรียงเป็นสองแถว สาวใช้รูปร่างหน้าตางดงามยืนประจำที่ นี่สิถึงจะเรียกได้ว่าต้อนรับขั...

  • กล่อมเกลาปราชญ์หญิง

    ทดลองอ่าน กล่อมเกลาปราชญ์หญิง บทที่ 2

    By

    บทที่ 2 เดือนสี่ดำเนินมาถึงช่วงปลาย แสงแดดแรงขึ้นทุกที แม้แต่ลมยังเจือไอร้อน สีสันดอกไม้ใบหญ้าด้านหลังจวนฉางอันจวินก็สดใสขึ้นเป็นลำดับ ต้นไม...

  • กล่อมเกลาปราชญ์หญิง

    ทดลองอ่าน กล่อมเกลาปราชญ์หญิง บทที่ 1

    By

    บทที่ 1 เมืองหานตัน แคว้นจ้าว ผิงหยวนจวิน ในตอนนี้รู้สึกปวดใจยิ่ง เจ้าแคว้นผู้เป็นพี่ชายสิ้นบุญ รัชทายาทที่จะสืบทอดบัลลังก์ต่อไม่ใคร่ชอบหน้า...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com