
1) หนูแยม: สวัสดีค่ะ หนูแยมขอเป็นตัวแทนชาวแจ่มใสมาพูดคุยทำความรู้จักนักแปลคนเก่ง ที่ช่วยถ่ายทอดเรื่องราวสนุกๆ น่าประทับใจจากต่างประเทศมาเป็นภาษาไทยให้เราได้อ่านกันนะคะ อันดับแรกก็ต้องแนะนำตัวกันสักนิดค่ะ ในวงการใช้นามปากกาว่าอะไรบ้างคะ หรือจะแนะนำชื่อจริงก็ไม่ว่ากันนะ
นักแปล: สวัสดีค่า Tear นะคะ
2) หนูแยม: นามปากกาเก๋ๆ แบบนี้ มีที่มาจากไหนหรือคะ
นักแปล: จำได้ว่าตอนเด็กๆ เคยเจอชื่อตัวการ์ตูนตัวนึงชื่อว่าคาร์เทียร์แล้วชอบน่ะค่ะ แต่ชอบแค่พยางค์หลังเลยจิ๊กมาใช้ซะเลย ๕๕๕
3) หนูแยม: ปกติแล้วแปลแนวอะไรบ้างคะ และคิดว่าแนวที่แปลมีเสน่ห์ยังไงบ้าง
นักแปล: แจ่มใสเทียร์มีแปลแนว Cookie กับ Jamsai Light Novel ค่ะ ส่วน Enter Books เพิ่งมีแปลการ์ตูนแฟนตาซีไปเรื่องเดียวค่ะ
สำหรับเสน่ห์ของแนว Cookieก็รู้สึกว่าเป็นนิยายรักแบบใหม่ที่นำเสนอในรูปแบบเล็กกะทัดรัดพกพาสะดวก ตรงจุดนี้นี่ชอบมากเลยค่ะ อีกอย่างเทียร์เป็นคนไม่ชอบเรื่องที่เครียดมากเกินไป เลยรู้สึกว่าแนว Cookieค่อนข้างตรงกับรสนิยมตัวเอง คือนำเสนอเนื้อหาที่ไม่หนัก ไม่ซีเรียสจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้เลื่อนลอยเบาหวิวไม่มีเหตุผล คิดว่าจุดนี้แหละค่ะที่เป็นเสน่ห์ของหนังสือแนวนี้
ส่วน Jamsai Light Novelนั้น คิดว่าเสน่ห์อยู่ที่การผสมผสานความเป็นแฟนตาซีเข้ากับแนวรักได้อย่างกลมกลืน ผู้อ่านที่ไม่เน้นในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ก็สามารถอ่านได้ค่ะ แถมเพราะเป็นไลท์โนเวล จึงมีบทพูดเยอะเลยค่อนข้างอ่านง่าย คิดว่าคนที่ไม่ชอบอ่านตัวหนังสือมากๆ น่าจะชอบค่ะ
ส่วนแนว Enter Booksนั้นด้วยความเป็นแฟนตาซีที่ไม่เน้นแนวรัก แต่เน้นฮา (?) ทำให้ผู้ชายอ่านได้ ผู้หญิงจิ้น (?) ดี แถมตอนนี้ Enter Booksยังแตกหน่อจากแนวเน้นความฮา มาเป็นแนวลึกลับสยองขวัญด้วย คิดว่ากลุ่มผู้อ่านที่เป็นผู้ชายน่าจะชอบค่ะ
4) หนูแยม: นอกจากงานแปลแล้ว ทำงานอื่นควบคู่ไปด้วยหรือเปล่าคะ แล้วต้องแบ่งเวลาทำงานยังไงบ้าง
นักแปล: ตอนนี้ทำงานแปลคู่ไปกับการเรียนมหา’ ลัยค่ะ เทียร์ก็จะแบ่งเวลาโดยวางแผนว่าเราจะทำการบ้านกี่ชั่วโมง พักกี่ชั่วโมง ทำงานแปลกี่ชั่วโมง สลับทำไปเรื่อยๆ จะได้ไม่เบื่อและไม่เครียด แต่ถ้างานเร่งเทียร์ก็จะลำดับงานตามความเร่งด่วนค่ะ อย่างสมมติถ้าวันนี้วันจันทร์ การบ้านส่งวันศุกร์ แต่เดทไลน์งานแปลวันพฤหัสเทียร์ก็จะเร่งปั่นงานแปลก่อนค่ะ แล้วการบ้านค่อยมาทำหลังงานแปลเสร็จ แต่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ให้ทุ่มเทกับงานที่ทำ ทำให้เต็มที่และจดจ่ออยู่กับงาน พอมีสมาธิก็จะทำได้เร็วค่ะ
5) หนูแยม: เวลาทำงานเครียดๆ มีวิธีจัดการกับความเครียดยังไงคะ
นักแปล: ฟัดน้องหมาที่บ้านค่ะ ผ่อนคลายดีนักแล พอได้สัมผัสขนนุ่มๆ ฟูๆ แล้วมันฟินค่ะ ๕๕๕
6) หนูแยม: คิดว่าการแปลนิยายให้อะไรกับเราบ้างคะ
นักแปล: ก็ที่ได้หลักๆ เลยคือได้ความรู้ทางภาษาเพิ่มค่ะ อย่างพวกคำแสลงอะไรที่ในมหา’ลัยไม่สอน ก็ได้จากในนิยายนี่ล่ะค่ะ นอกจากนั้นก็ยังรู้วัฒนธรรมจีนเพิ่ม เพราะพอตรงไหนที่เป็นคำศัพท์เกี่ยวกับวัฒนธรรมเราก็ต้องไปค้นไปอ่านให้รู้ถึงที่มาให้ชัดเจนก่อนถึงจะลงมือแปลค่ะ
7) หนูแยม: โดยส่วนตัวแล้ว ชอบอ่านเรื่องแนวไหน หรือชอบตัวละครแบบไหนเอ่ย
นักแปล: แนวที่ชอบที่สุดคือแนวแฟนตาซีค่ะ นอกนั้นก็พวกแนวสยองขวัญ สืบสวน แนวรักโรแมนติกก็มีอ่านบ้างเหมือนกันค่ะ แต่จะเน้นไปทางแฟนตาซีมากกว่า แล้วก็ชอบอ่านอะไรที่ฮาๆ แนวตัวละครที่ชอบส่วนมากถ้าเป็นผู้ชายเทียร์จะชอบตัวละครที่ถูกรังแกค่ะ อย่างฟั่นถง จาก The Sunken Moonค่ะ คนนี้รักมากเลย ๕๕๕ ถ้าเป็นตัวละครหญิงเทียร์ชอบผู้หญิงเก่ง ลูกบ้าเยอะๆ อย่างเอเจจากเรื่อง Another History นี่จะเลิฟๆ มาก รู้สึกว่าชีเก่ง ถึกและทนดีค่ะ
8) หนูแยม: อยากให้นิยาม ‘ความสุข’ ในแบบของตัวเองหน่อยค่ะ
นักแปล: แค่กินอิ่ม มีที่นอนนุ่มๆ น้องหมาขนฟูๆ นิยายดีๆ สักเล่มแค่นี้ก็สุขแล้วค่ะ ๕๕๕
9) หนูแยม: ถ้าหากเพื่อนๆ ที่อ่านอยู่อยากเป็นนักแปลบ้าง ควรเริ่มต้นยังไงดีคะ
นักแปล: สิ่งสำคัญเลยคือลองแปลค่ะ อย่าแค่อยาก เพราะความอยากไม่ช่วยอะไร ลองเริ่มลงมือแปลจากสิ่งที่ตัวเองชอบ อย่างใครชอบฟังเพลงจีนก็ลองเอาเพลงจีนมาแปล รึถ้าชอบอ่านการ์ตูนก็ลองหาการ์ตูนแสกนจีนมานั่งแปลแล้วลองส่งให้เพื่อนๆ อ่านดูว่าภาษาโอเคมั้ย เข้าใจรึเปล่า งานแปลชิ้นแรกๆ ภาษาอาจจะยังแข็งๆ รึยังติดโครงสร้างภาษาจีนอยู่ ก็อย่าเพิ่งท้อ ฝึกฝนฝีมือไปเรื่อยๆ ก็จะเก่งขึ้นเองค่ะ พอมั่นใจแล้วก็ลองรับงานแปลจริงๆ ดู เทียร์เชื่อว่าเมื่อลงมือทำแล้ว ยังไงก็ต้องได้ผลอะไรกลับมาค่ะ
10) หนูแยม: สุดท้าย อยากฝากอะไรถึงนักอ่านแจ่มใสบ้างคะ
นักแปล: ก็คงต้องขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด จากนี้ไปก็ขอฝากเนื้อฝากตัวฝากใจฝากกระเพาะและตับไตไส้พุง(?) ไว้กับนักอ่านทุกท่าน ขอให้รักบ้านแจ่มใสมากๆ อยู่ด้วยกันไปนานๆ นะคะ (Y)